ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือ ช.ส.ท. โดยคุณวรางคณา สุเมธวัน ประธาน ช.ส.ท. นำสมาชิกสื่อมวลชชนและนักท่องเที่ยววัยเก๋ากว่า 70 ชีวิต ลงพื้นที่ท่องเที่ยวภาคกลางในทริป “สุขทันที…ที่เที่ยวอุทัยธานีและสุพรรณบุรี” ระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคม 2567 สัมผัสความงามและเสน่ห์ท่องเที่ยวช่วงฤดูฝน Green Season
โดยออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยรถปรับอากาศสองชั้นและรถตู้ จุดหมายแรก ณ “วัดพระปรางเหลือง” ต.พยุหะอ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ วัดเก่าแก่มีอายุเก่าแก่กว่า 230 ปี
“วัดพระปรางค์เหลือง” เป็นวัดโบราณเก่าแก่ถูกสร้างขึ้นประมาณปีพุทธศักราช 2305 ซึ่งตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีปูชนียสถาน เช่น องค์พระปรางค์ พระวิหาร พระอุโบสถ เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอายุของโบราณสถานแห่งนี้ความสำคัญในอดีต วัดพระปรางค์เหลืองแห่งนี้ มีชื่อเสียงในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ทางด้านยาสมุนไพร รดน้ำมนต์และคาถาตามหลักของแผนโบราณ รวมทั้งการรักษาโรคเคล็ด ขัด ยอก และอัมพาต โดยวิธี “เหยียบฉ่า” อย่างได้ผลซึ่งภายในวัด มีจุดสำคัญต่างๆ ในการตามรอยเสด็จประพาสต้น เช่น องค์พระปรางค์เหลือง วิหารหลวงพ่อโต แพที่จอดเรือสมัย ร.๕ การสาธิตเหยียบฉ่า เก๋งเรือพระราชทาน นมัสการรูปหล่อหวงพ่อเงิน กุฏิหลวงพ่อเงิน และที่สำคัญยังตั้งอยู่ใกล้กับโบราณสถาน เมืองบน อันเป็นหัวเมืองโบราณสมัยทวาราวดี (ในปัจจุบันยังปรากฏร่องรอยคูเมืองโบราณติดอยู่ทางด้านทิศเหนือของวัดให้เห็น)
จุดที่ 2 “วัดสังกัสรัตนคีรี” อำเภอเมือง จ.อุทัยธานี
“วัดสังกัสรัตนคีรี” ซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่บนบนเขาสะแกกรัง เป็นวัดสวยงามและบรรยากาศร่มรื่น สามารถมองเห็นทิวทัศน์มุมสูงเมืองอุทัยธานีได้อย่างสวยงาม โดยมีคุณสัมพันธ์ สุภาภักดี ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานอุทัยธานี ให้เกียรติมาต้อนรับคณะ ช.ส.ท. และนำชมวัดประกอบไปด้วย วิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี บันไดขึ้น 449 ขั้นจากลานวัดสู่ยอดเขาสะแกกรัง มณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกนาถ แห่งรัชกาลที่ 1
“เมืองชนกพระจักรี” จังหวัดอุทัยธานี เที่ยวเมืองอุทัยฯ ไหว้พระบนยอดเขาสะแกกรัง วัดสังกัสรัตนคีรี หรือ วัดสะแกกรัง ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี ที่นี่เป็นหนึ่งในที่ท่องเที่ยวที่ควรมาเมื่อมาอุทัยธานี ชมวิวไกลสุดตา นอกจากนี้เรายังสามารถสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั่งรถรางขึ้นเขาสะแกกรัง สักการะ พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกนาถ แห่งรัชกาลที่ 1 ตั้งอยู่เชิงเขาสะแกกรัง สุดถนนท่าช้าง ในเขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ในเรื่องประเพณีตักบาตรเทโว
จังหวัดอุทัยธานีมีคำขวัญประจำจังหวัดอุทัยธานีอยู่บนเขาสะแกกรัง คือ “เมืองพระชนกจักรี ปลาแรดรสดี ประเพณีเทโว ส้มโอบ้านน้ำตก มรดกโลกห้วยขาแข้ง แหล่งต้นน้ำสะแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ” ปัจจุบัน ทุกวันที่ ๖ เมษายนของทุกปี อันเป็นวันจักรี จะมีพิธีสักการะพระราชานุสาวรีย์แห่งนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงที่ดอกสุพรรณิการ์ หรือดอกฝ้ายคำดอกไม้ประจำจังหวัดอุทัยธานี จะบานสะพรั่งอยู่บนยอดเขาสะแกกรัง
จุดที่ 3 ล่องเรือสะแกกรัง ริเวอร์ครุยส์ ชมความงามและวิถีชีวิตชาวแพในแม่น้ำสะแกกรัง
คณะ ช.ส.ท. รับประทานอาหารกลางวันกันบนเรือ พร้อมชมบรรยากาศวิถีชีวิตชาวบ้านริมสองฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง โดยเฉพาะเรือนแพที่มีชาวแพอาศัยอยู่กันมาหลายชั่วอายุคน เรือยังจอดให้สมาชิกแวะซื้อปลาแห้งและสินค้าชุมชนริมฝั่งด้วย ระหว่างล่องเรือมีจุดที่สามารถมองเห็นวัดสังกัสรัตนคีรีบนยอดเขาสะแกกรัง และวัดอุโปสถาราม รวมทั้งอาคารสำคัญมากมายของอุทัยธานี เพลิดเพลินกันเลยทีเดียว
สัมผัสวิถีชีวิตชาวเรือนแพซึ่งยังคงอนุรักษ์ไว้ สำหรับชื่อแม่น้ำสะแกกรังต้นน้ำไหลมาจากยอดเขาโมโกจู ในเทือกเขาอุทยานแห่งชาติแม่วงศ์จังหวัดกำแพงเพชร ไหลผ่านชุมชนบ้านสะแกกรังซึ่งสมัยโบราณกาลชาวบ้านชาวเมืองอุทัยธานี เล่าว่ามีต้นสะแกกรัง ด้วยเหตุผลนี้ชาวชุมชนต้นสะแกกรัง จึงเรียกว่า แม่น้ำสะแกกรัง ที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยปลาน้ำจืดหลากหลายชนิด โดยเฉพาะปลาแรดเป็นปลาขึ้นชื่อของเมืองอุทัยธานี สำหรับแม่น้ำสะแกกรังเป็นสายน้ำกั้นล้อมรอบเกาะ เรียกว่า “เกาะเทโพ” ส่วนอีกด้านหนึ่งคือแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านกั้นเกาะเทโพนั่งเอง
จุดที่ 4 วัดอุโปสถาราม (วัดโบสถ์) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสะแกกรัง อุทัยธานี จัดเป็นวัดที่สวยงามและเต็มไปด้วยโบราณสถานอันทรงคุณค่า สร้างในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เดิมชื่อวัดโบสถ์มโนรมย์ เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองอุทัยธานีกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนวัดนี้เป็นโบราณสถาน มีสิ่งที่น่าชมภายในวัด ได้แก่ อุโบสถ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยปางมารวิชัย มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างหลวงเขียนในตอนปลาย รัชกาลที่ 3 บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติเริ่มตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพาน วิหาร ด้านหน้ามีจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพถวายพระเพลิงและวิถีชีวิตชาวบ้านสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ภายในประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ ขนาบซ้ายขวาด้วยพระพุทธรูปฝั่งละหนึ่งองค์ มีจิตรกรรมฝาผนังแสดงเรื่องราวของพระมาลัย พระอสีติมหาสาวก และพระอสุภกรรมฐาน 10 ด้านบนเป็นภาพชุมนุมพระสงฆ์สาวกสลับพัดยศลายต่างๆ
มณฑปแปดเหลี่ยม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสะแกกรัง มีลักษณะสถาปัตยกรรมผสมแบบตะวันตก มีลายปูนปั้นคล้ายไม้เลื้อยที่กรอบหน้าต่าง และมีพระพุทธรูปปูนสลักนูนสูงอยู่ด้านนอกอาคาร สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2442 และอีกหลายสิ่งที่น่าชมและมีคุณค่า
จุดที่ 5 โรงแรมอุไทยเฮอริเทจ อำเภอเมือง จ.อุทัยธานี
คณะ ช.ส.ท. เยี่ยมชมโรงแรมอุไทย เฮอริเทจ โรงแรมสไตล์บูติกโฮเทล ที่ใช้เทคนิคสถาปัตยกรรมเข้ามารีโนเวทโรงเรียนเก่าที่มีอายุราว 70 ปี คือ “โรงเรียนอุทัยวิทยาลัย” ให้เป็นที่พักไฮคลาสมีสไตล์ โดยนำสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลมาผสมผสานกับกลิ่นอายของโรงเรียนดั้งเดิมและความเป็นอุทัยธานีได้อย่างลงตัว จนได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามฯ ที่น่ารักน่าสนุกคือ ทางโรงแรมมีกิจกรรมให้ยืมชุดนักเรียนถ่ายภาพตามมุมต่างๆ ที่ยังคงสภาพความเป็นโรงเรียนในความทรงจำ เช่น ห้องเรียน เสาธง อุปกรณ์การเรียน ฯลฯ เพื่อระลึกความสนุกสดใสในวัยเยาว์
อุไทย เฮอริเทจ มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ อุไทย เฮอริเทจมีเพียง 17 ห้อง ห้องพักกว้าง สะอาดสะอ้าน,ห้องน้ำเรียบหรูอาหารเช้า ครัวศรีอุทัย มีคาเฟ่ เสริฟเครื่องดื่มร้อนเสริฟ์ก่อนนอนสระว่ายน้ำสวย ห้องประชุมดีห้องจัดเลี้ยง ห้องสมุด,หนังสือ,วรรณกรรม หลากหลาย ดูหนัง,สารคดี Netflix,Wifi ,สามล้อไปตลาดเช้า,ตักบาตรวัดโบสถ์ ริมแม่น้ำสะแกกรัง ล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนชาวแพ ชมหิ่งห้อย
จุดที่ 6 บ้านชายเขา สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ความสวยงามสดชื่นของที่นี่และทิวทัศน์โดยรอบรายล้อมไปด้วยวิวสวยของภูเขา หุบเขาหินปูนของเขาปลาร้า หุบป่าตาด
และเขาบริเวณใกล้เคียง สลับกับพรรณไม้เขียวชะอุ่ม ไร่ข้าวโพด และดอกไม้หลากสี มีระเบียงชมวิวยกสูงสำหรับให้ขึ้นไปชมวิวรับบรรยากาศเต็มๆ 360 องศาอีกทั้งถนนที่ทอดยาวออกไปนั้นก็เป็นภาพที่สวยงาม มีร้านกาแฟบริการ บ้านชายเขาอยู่ห่างจากหุบป่าตาดเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น
จุดที่ 7 หุบป่าตาด อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่ได้ชื่อว่า “หุบป่าตาด” เพราะมีต้นตาดเต็มไปหมด ต้นตาดเป็นไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม บางคนจึงเรียกที่นี่ว่า ป่าดึกดำบรรพ์แห่งอุทัยธานี
ชมความงามอันน่าพิศวงทางธรรมชาติจนได้รับยกให้เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไปเยือน โถงถ้ำที่มืดสนิทสู่ปลายทางคือปล่องขนาดใหญ่ที่มีแสงส่องลงมา โพรงถ้ำสวยงามมาก หินปูนรูปทรงต่างๆ เต็มไปด้วยความลึกลับน่าทึ่ง
สมาชิก ช.ส.ท. ได้มีโอกาสได้ชม กิ้งกือมังกรสีชมพู ซึ่งพบได้ที่นี่แห่งเดียวในประเทศไทย น้องจะออกมาให้ชมในช่วงเดือน ส.ค.-พ.ย. เท่านั้น เมื่อปี 2522 ต่อมาทางการได้ประกาศให้ที่นี่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่มีค่ายิ่งของประเทศไทยเนื่องจากมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แปลกตาด้วยพันธุ์ไม้หายากมากมายหลายชนิด
จุดที่ 8 บ้านท่าโพ อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี
คณะ ช.ส.ท. ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวบ้านท่าโพ พร้อมสำรับอาหารกลางวันสไตล์พื้นบ้านที่จัดมาในภาชนะอย่างสวยงาม อีกทั้งมีการแสดงเพลงพื้นบ้านที่ไพเราะสนุกสนาน อันเป็นมนต์เสน่ห์ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของที่นี่ ร่วมรำวงเพลงพื้นบ้าน ใช้บริการนวดแผนโปราณพื้นบ้าน และสนับสนุนสินค้าชุมชน ทั้งของกินยาดม ยาหอม ซึ่งยาหอมที่นี่มาจากโรงงานทำยาหอมทับทิมวัดพันสี อันเป็นที่เลื่องชื่อ
ชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่ที่สืบต่อกันเป็นตำนานในสังคมชนบท ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นชุมชนในสมัยอยุธยาตอนปลาย สะท้อนวัตนธรรมที่เรียบง่ายภายในมีบริการโฮมสเตย์ และศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมท่าโพ
จุดที่ 9 วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อำเภอเมืองอุทัยธานี
คณะ ช.ส.ท. โดยสารรถรางในเมืองเดินทางไปวัดจันทาราม (วัดท่าซุง) สักการะพระพุทธรูปจำลองพระพุทธชินราช ซึ่งเป็นพระประธานในวิหาร และพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) พระเถระผู้มีชื่อเสียง
อาคารวิหารสวยงามตระการตา ด้วยเสาวิหารที่ประดับด้วยโมเสกสีขาวระยิบระยับ ด้านบนเพดานประดับด้วยช่อไฟระย้าและโมเสกสีขาวกระจกประดับทั่ววิหาร วัดนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และได้รับการพัฒนาขึ้นมากมาย โดยพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) มีหลายสิ่งที่น่าชม และกิจกรรมด้านกรรมฐานสำหรับพุทธศาสนิกชน
จุดที่ 10 ถนนคนเดินตรอกโรงยา และตลาดเก่าสะแกกรัง อำเภอเมือง จ.อุทัยธานี
ถนนสายนี้เคยเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวจีน และเป็นแหล่งสูบฝิ่นที่ถูกต้องตามกฎหมาย ชาวบ้านจึงเรียกตรอกนี้ว่า “ตรอกโรงยา” ต่อมาได้เปลี่ยนพื้นที่เป็นถนนคนเดินกลางเมืองอุทัยธานี
สองข้างทางเป็นบ้านไม้โบราณที่ยังคงสภาพเดิมไว้ตั้งเรียงรายกว่า 150 เมตร มีอาหารและขนมมากมายวางจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีบ้านเก่าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมภาพเล่าประวัติศาสตร์ของตรอกโรงยาและเมืองอุทัยธานี (เปิดทุกวันเสาร์ เวลา 16.00–20.00 น.)
จุดที่ 11 ชมต้นไม้ยักษ์ อายุกว่า 400 ปี ณ หมู่บ้านสะนำ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
อีกหนึ่ง unseen ของอุทัยธานีก็ว่าได้ คณะ ช.ส.ท. เดินทางไปชมต้นเซียงหรือต้นผึ้งที่มีอายุกว่า 400 ปี สูง 53 เมตรขนาดใหญ่ 40 คนกางแขนโอบ ตั้งตระหง่านท่ามกลางป่าหมากที่ล้อมรอบอย่างโอบล้อม ยามแสงส่องลงมาสวยงามมาก
เอกลักษณ์อันโดดเด่นของต้นไม้ยักษ์ต้นนี้คือเป็นไม้เนื้ออ่อน มีพูพอนไว้ค้ำยันลำต้นให้คงอยู่ ในปี 2561 กระทรวงวัฒนธรรมได้เลือกต้นไม่ยักษ์แห่งนี้เป็น “รุกขมรดกแห่งแผ่นดิน” ที่ต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ก่อนถึงต้นไม้ยักษ์ นักท่องเที่ยวสามารถแวะตลาดต้นไม้ยักษ์ เป็นตลาดขายสินค้าของคนในชุมชน ทั้งเสื้อผ้าท้องถิ่นเครื่องใช้จักสานต่างๆ รวมถึงอาหาร ขนมไทย และสมุนไพรอบแห้ง ตลาดเปิดทุกวันเสาร์–วันอาทิตย์
จุดที่ 12 วัดถ้ำเขาประทุน อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
ชมพระอุโบสถรากไม้ วัดถ้ำเขาประทุน ซึ่งถือเป็นงานรากไม้ที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทใช้รากไม้ตะเคียนทอง ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ประดู่ รากไม้กันเกรา มาตกแต่งและแกะสลัก
โดยแกะสลักเป็นภาพพระพุทธเจ้า เจ้าแม่กวนอิม พระสีวลี พระสังกัจจายน์ พระพิฆเนศ พระพุทธชินราช พระเกจิชื่อดัง และงานไม้แกะสลักอื่นๆ เช่น มังกรทอง มังกรเงิน นกหัสดีลิงค์ (ขณะที่ไปยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ) ทางวัดได้นำปีกไม้มาวางไว้ และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทำบุญแผ่นละ 100 บาท สามารถเขียนชื่อตัวเองและญาติๆ ที่จะอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้ที่ด้านหลังแผ่นไม้ ก่อนจะนำขึ้นติดบนเพดานฝ้า นอกจากนี้ ยังสามารถเดินขึ้นบันไดปูน 700 ขั้น ไปสักการะรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาและชมวิวทิวทัศน์โดยรอบที่สวยงามได้
จุดที่ 13 เขื่อนกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
คณะ ช.ส.ท. เดินทางมายังจังหวัดสุพรรณบุรี สัมผัสบรรยากาศที่สดชื่นสวยงามของ “เขื่อนกระเสียว” เขื่อนนี้ได้ชื่อว่าเป็นเขื่อนดินที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทยเก็บกักน้ำสร้างกั้นลำห้วยกระเสียว
มีความยาว 4,250 เมตร สูง 32.5 เมตร กักเก็บน้ำจำนวนกว่า 240 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาหลากหลายชนิด ได้แก่ ปลานิล ปลาบึก และสัตว์น้ำอื่นๆ ถ้ามาในช่วงพระอาทิตย์ตก จะได้ภาพความงามที่ประทับใจมาก
จุดที่ 14 รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านครัวเสือโหน่ง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
โดยมี คุณสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการตลาดในประเทศ ททท. พร้อมด้วย คุณอภิวัฒน์ ทับทิมโต ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานสุพรรณบุรี ให้เกียรติมาต้อนรับคณะ ช.ส.ท.
คณะ ช.ส.ท. อิ่มอร่อยและชมบรรยากาศโดยรอบของร้าน ก่อนเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งสำคัญของสุพรรณบุรี
จุดที่ 15 พุทธมณฑลสุพรรณบุรี วัดเขาทำเทียม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
เป็นจุดสุดท้ายของทริปนี้ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยคณะ ช.ส.ท. เดินทางไปชม “พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” หรือหลวงพ่ออู่ทอง ซึ่งนับเป็นพระพุทธรูปแกะสลักภูผาใหญ่ที่สุดในโลก ณ ภูผามังกรบิน ในเขตโบราณสถานเมืองอู่ทอง องค์หลวงพ่ออู่ทอง สูง 108 เมตร ฐานกว้าง 88 เมตร หน้าตักกว้าง 65 เมตร อิริยบถประทับนั่งขัดสมาธิ ปางโปรดพุทธมารดา ตั้งอยู่ในพื้นที่ราว 100 ไร่ บนอุทยานพุทธมณฑลสุพรรณบุรี วัดเขาทำเทียม บริเวณหน้าผาที่แกะสลักหลวงพ่ออู่ทอง มีทัศนียภาพสวยงาม มีน้ำตกตามธรรมชาติ บริเวณภูเขามีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ที่เกิดจากการที่บริเวณนี้เคยเป็นเหมืองหินเก่า ด้านหลังองค์พระพุทธรูปจะพบอุโมงค์ขนาดใหญ่ ซึ่งจะได้สัมผัสความเย็นสบายของลมที่พัดผ่าน ให้ความรู้สึกร่มเย็นเป็นสุขของสถานที่แห่งนี้ ทั้งมีพระพุทธรูปต่างๆ ประดิษฐาน เปิดให้ผู้คนเข้ามาสักการะขอพรเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
โดยกิจกรรมครั้งนี้จัดโดย ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)
…………………………………………………………………………………………………………………
www.indyreport.com