เปรียบได้กับ “เกษียณอายุราชการ” อันหมายถึง การสิ้นกำหนดเวลารับราชการหรือการทำงาน ซึ่งปกติกำหนดไว้ที่อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ สำหรับนายตำรวจที่ชื่อ พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มา 2 ปี ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 มีอายุครบ 60 ปีในวันที่ 30 กันยายน 2564
เมื่อพล.ต.ท.ภัคพงศ์เกษียณอายุราชการ ผู้ที่จะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผบช.น.คนต่อไป คือ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา รองผบช.น. การสิ้นสุดการทำงานโดยไม่ได้มีเรื่องมัวหมองหรือมลทินใดๆ ติดตัวให้เป็นทุกข์ ถือเป็นความโชคดีที่สุดของชีวิตราชการตำรวจ การก้าวมาถึงจุดสูงสุดในวันนี้ พร้อมกับฝากผลงานไว้ให้จดจำเป็นแบบอย่าง มิใช่นายตำรวจระดับ สูงทุกนายจะทำได้ อันว่า ชื่อเสียงเรียงนามที่บิดามารดาตั้งให้มาตั้งแต่เกิดก็ถูกโฉลกเป็นมงคลกับชีวิต
“ภัคพงศ์” มีความหมายว่า “เชื้อสายผู้มีโชค” ส่วนนามสกุล “พงษ์เภตรา” หมายถึง “เชื้อสายหรือเทือกเถาของเรือ หรือเรือสำเภา” ซึ่งในสมัยโบราณนั้นเป็นพาหนะในการเดินทางและการขนส่งที่สำคัญ ด้วยความเพียรพยายามและความดีงามของการประพฤติตนที่มุ่งไปข้างหน้า ประดุจเรือสำเภาฝ่าคลื่นลมฝนฟ้าและพายุ พาหนะ “พงษ์เภตรา” ลำนี้ได้นำผู้คนข้ามน้ำ ข้ามมหาสมุทรไปสู่เป้าหมายด้วยความปลอดภัย “ภัคพงศ์” มีโอกาสได้รับใช้ชาติด้วยการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน ดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองได้อย่างสมเกียรติ
บนเส้นทางแห่งความพากเพียรนั้น หลังเรียนจบจากโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ได้สอบเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 22 และเข้าศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 38 ปี 2528 หลังจบการศึกษา ได้เริ่มต้นรับราชการที่บ้านเกิด ในตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี ก่อนย้ายเป็นผู้ช่วยนายเวร พล.ต.อ.ชุมพล อรรถศาสตร์ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บัญชา การตำรวจภูธร 3 คุมพื้นที่ภาคเหนือ ระหว่างดำรงตำแหน่งได้มีโอกาสเรียนรู้งานกิจการพิเศษใน “แผนกรกฏ” ทำให้มีความเชี่ยวชาญและความรู้เรื่องยุทธวิธีการคุมผู้ชุมนุมประท้วง และแนวทางการปฏิบัติกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ ตั้งแต่ไฟไหม้ น้ำท่วม ไปจนถึงการจี้ตัวประกัน หรือเหตุวินาศกรรม
ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายมาตามลำดับ ได้ทำคดีอาชญากรรมสำคัญหลายคดี
วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ได้รับการแต่งตั้ง เลื่อนจากรองผบช.น. ขึ้นเป็นผบช.น. เรียกกันสั้นๆว่า น.1 สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ มีกองบังคับการ 14 กองบังคับการ และ 2 หน่วยงานขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ภัคพงศ์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนที่ 50 นับแต่มีตำแหน่งนี้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2465 จนถึงวันนี้จะครบ 99 ปีของการก่อเกิดตำรวจนครบาล ซึ่งตรงกับวันที่ 24 ธันวาคม
2 ปี กับตำแหน่งที่มีทั้งหน้าที่และความรับผิดชอบของ ผบช.น.
พล.ต.ท.ภัคพงษ์ได้บริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้คำขวัญ “จงรักภักดี มั่นคง ปลอดภัย รับใช้ประชาชน” มอบนโยบายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาถือปฏิบัติ โดยมุ่งเน้นในเรื่องความมั่นคงของสถาบันเป็นอันดับแรก ตามด้วยการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในสังคม ป้องกันและปราบปราม ลดระดับอาชญากรรม บรรเทาความเดือดร้อนต่างๆของประชาชน
เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อย อันเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการ เมืองเพื่อประท้วงขับไล่ผู้นำประเทศในหลากหลายรูปแบบ ตลอดทั้งปี 2563 – 2564 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่เกิดวิกฤติโรคระบาดร้ายแรงโควิด-19 ทำให้การรับมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความยุ่งยากมากขึ้นเพราะพฤติกรรมของกลุ่มคนและความขัดแย้งมีความซับซ้อน เกี่ยวข้องกับหลายมิติ ทั้งการเมือง สังคม เศรษฐกิจ สาธารณสุข สิทธิมนุษยชน ฯลฯ แต่กระนั้น ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยการสั่งการและกำกับติดตามการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาในทุกระดับ หลายๆเหตุการณ์ พล.ต.ท.ภัคพงษ์ ลงมาปฏิบัติงานในภาคสนามเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับลูกน้องเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ
ความภูมิใจสูงสุดของ พล.ต.ท.ภัคพงษ์ ในวันที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็คือ การได้พิสูจน์ให้เห็นถึงเกียรติศักดิ์ของความเป็น “ตำรวจอาชีพ” ที่รักษากฏหมาย ได้สร้างผลงานไว้ด้วยความทุ่มเทและความมุ่งมั่น
…………………………………………………… 📍www.indyreport.com