ระหว่างวันที่ 25 – 26 กรกฎาคม 2563 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจาก กรมส่งเสริมการเกษตร , ธ.ก.ส. , กรมการท่องเที่ยว , เพจ Thailand Agro Tourism และ ผู้เข้าแข่งขันทางการตลาดทีม Kakayo (คาคาโย) ลงพื้นที่ “ชุมชนบ้านหนองส่าน” จ.สกลนคร สาขาหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Best Agro tourism) หนึ่งในโครงการประกวดสุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวชนบท (Thailand Rural Tourism Awards 2020) โดย ททท. ร่วมกับ 40 องค์กร จัดประกวดขึ้นวัตถุประสงค์เพื่อประเมินและคัดเลือกสุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวชนบท ยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวชุมชนในระดับประเทศโดยชุมชนของประเทศไทย ขยายผลสร้างการรับรู้ระดับนานาชาติ ส่งเสริมด้านการตลาด สร้างความเชื่อมั่น และสร้างการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย ภายใต้นโยบายของรัฐที่มุ่งหวังพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ของชาติ ในยามที่ประเทศจำเป็นต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในจากการที่โลกต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด 19
ซึ่ง “ชุมชนบ้านหนองส่าน” จ.สกลนคร เป็นหนึ่งในชุมชนที่ถูกเสนอชื่อและผ่านเข้ารอบสุดท้ายใน 25 ชุมชนหมู่บ้านท่องเที่ยวชนบท สาขาหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Best Agro tourism) เป็นชุมชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ ต.โคกภู อ.ภูพาน จ.สกลนคร มีอาชีพทำการเกษตร ทำนาปลูกข้าวและทำเกษตรกรรมแบบผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีวิถีชุมชนที่เรียบง่ายและมีเสน่ห์ พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นผืนนาอันกว้างใหญ่สีเขียวโอบล้อมด้วยภูเขาและผืนป่า นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นแหล่ง “ย้อมคราม” ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
โดยกิจกรรมในการลงพื้น “ชุมชนบ้านหนองส่าน” จ.สกลนคร วันแรก คณะเดินทางจากตัวเมืองออกมาราว 40 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นคณะนั่งรถอีแต๊กผ่านหมู่บ้านและท้องทุ่งนาที่ช่วงนี้มีความเขียวสดใสในช่วงฤดูฝนไปยัง “บ้านสวนเสือพลอย” เพื่อทำกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรตามฤดูกาลคือ กิจกรรมเก็บ “มันญี่ปุ่น” ลิ้มรสชาติมันเผาที่มีรสชาติหอมหวานมันอร่อย
และ เก็บไข่ไก่ออร์แกนิค จากเล้าไก่นำมาประกอบอาหาร อาทิ ไข่เจียว ยำหวาย ซึ่ง “หวาย” เป็นอาหารพื้นถิ่นที่นิยมรับประทานกัน พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมรับประทานอาหารปลอดสารจากพืชพรรณในสวนเสือพลอย และชมเกษตรเศรษฐกิจผสมผสาน
ปิดท้ายกิจกรรมวันนี้โดยคณะฯ ร่วมกันทำกิจกรรมงานฝีมือ “ทุ่งอีสาน” และ “ทำตุ้มหูทุ่ง” โดยใช้เส้นฝ้ายที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติจากพืชพรรณที่หาได้ในท้องถิ่นซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน นำมาย้อมเป็นสีต่างๆ ที่ไม่ซ้ำกัน และนำมาพันกับไม้ไผ่ที่ทำเป็นโครงกากบาท เลือกสีด้ายตามต้องการโดยสลับสีสันต่างๆ ให้สวยงามอย่างสร้างสรรค์ เพื่อทำเครื่องประดับ พวงกุญแจ ฯลฯ คณะทำกิจกรรมและได้เรียนรู้และลงมือทำอย่างตั้งใจในกิจกรรมวันแรก
สำหรับกิจกรรมวันที่สอง คณะนั่งรถอีแต๊กเดินทางไปยัง “โสมนัสฟาร์ม” ซึ่งอยู่ห่างจากตัวชุมชนออกมาไม่ไกลเพื่อทำกิจกรรมดำนา ซึ่งในการดำนาจะมีเพียงไม่กี่ที่ในภาคอีสานที่ทำกัน “การทำนาดำ” เป็นวิธีการทำนาที่มีการนำเมล็ดข้าวไปเพาะในแปลงที่เตรียมไว้ (แปลงกล้า) ให้งอกเป็นต้นกล้า แล้วถอนต้นกล้าไปปักดำในนา ซึ่งคณะมีโอกาสได้ร่วมกันทำกิจกรรมครั้งนี้กันอย่างสนุกสนาน แม้จะเลอะเทอะไปด้วยโคลนแต่ก็ทำให้ได้เรียนรู้ถึงวิธีการดำนาที่นับวันจะลดน้อยลงสำหวับวิธีการทำนาแบบนี้
จากนั้นร่วมกันทำ Local Food โดยใช้ผักออแกนิกที่ปลูกในสวน อาทิ หน่อไม้แกงคอนแคน ที่นี่มีการทำเกษตรกรรมแบบผสมผสาน มีทั้งพื้นที่นาข้าว และ พื้นที่ไว้สำหรับปลูกพืชผักสวนครัวหลากหลายชนิด โดยคณะได้ลงมือขุดหน่อไม้เก็บผักสวนครัวมาประกอบอาหาร และร่วมรับประทานอาหารกลางวันพร้อมชมวิวทุ่งนาสีเขียว
ในช่วงบ่ายเดินทางไปทำกิจกรรม workshop ผ้าย้อมคราม ซึ่งเป็นความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น สำหรับวิธีการทำผ้ามัดย้อมครามนั้นเริ่มจากการนำ ต้นคราม มาผ่านกระบวนการให้เป็น “ครามเปียก” และผ่านการ “ก่อหม้อ” จนเสร็จสิ้นกระบวนการมาเป็น “หม้อคราม” พร้อมสำหรับย้อมผ้าได้ ซึ่งคณะได้เรียนรู้วิธีการทำผ้าย้อมผ้าคราม การมัดย้อมผ้าครามเป็นงานสร้างสรรค์ฉพาะตัวของแต่ละคน สามารถสร้างสรรค์ลวดลายจากการนำผ้าสีขาวมา พับ รัด มัดด้วยเชือก หรือ ยางรัด กับวัสดุต่างๆ เช่น ไม้ไอติม เมล็ดฝ้าย ไม้หนีบ ตามความต้องการนำมามัดทำลายผ้า และนำผ้าไปขยำลงในหม้อคราม ใช้เวลาไม่นาน 10-15 นาที
เมื่อแกะสิ่งที่รัดผ้าเอาไว้ออกนำไปล้างในน้ำสะอาด ก็จะได้ลวดลายผ้าที่มีลวดลายฝีมือของตัวเองที่มีหนึ่งเดียวในโลกเป็นของที่ระลึก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสินค้าชุมชนที่ชาวบ้านได้จัดทำ และจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อกลับไปเป็นของฝากของที่ระลึกได้อีกด้วย
การมาเที่ยวชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองส่าน จ.สกลนคร เป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งเหมาะที่จะมาเรียนรู้การทำเกษตรกรรมแบบผสมผสานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของจังหวัดสกลนคร สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองส่าน จ.สกลนคร” (https://www.facebook.com/bannongsan)
ทั้งนี้ มีกิจกรรมการแข่งขันนักการตลาดอาสาเพื่อชุมชนในรอบชิงชนะเลิศนี้ ทีมนักการตลาดทั้งหมด 17 ทีม ในแต่ละสาขาที่ผ่านการคัดเลือก จะต้องลงพื้นที่ชุมชนตามโจทย์ที่กำหนดให้ เพื่อไปสร้างสรรค์แพ็คเก็จท่องเที่ยววิถีชุมชนที่ดีที่สุด โชว์ฝีมือทางการตลาด และวางแผนการขายวอร์เชอร์ท่องเที่ยวชุมชน ส่วนทีมนักการตลาดทีมใดที่ขายวอร์เชอร์ได้มากที่สุด ก็จะได้รับรางวัลชนะเลิศไปโดยปริยาย โดยนักการตลาดทุก ๆ ทีม จะมีระยะเวลาในการขายวอร์เชอร์ 30 วัน สำหรับทีมนักการตลาดที่เข้าแข่งขันลงพื้นที่ในชุมชน บ้านหนองส่านจ.สกลนคร ในครั้งนี้คือ ทีม Kakayo (คาคาโย) สามารถติดตามได้ที่ : https://www.facebook.com/937034483049552/posts/3380086942077615
นอกจากผลจากคะแนนในการลงพื้นที่ชุมชนของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ แล้ว ยังมีเกณฑ์การพิจารณาให้คะแนน 2 ด้าน ทั้งจากคะแนนพิจารณาของกรรมการ 70% และ คะแนนโหวตจากสื่อมวลชน 30% โดย ททท. จะจัดงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัลสุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวชนบท ในวันที่ 27 กันยายน 2563 ซึ่งตรงกับวันท่องเที่ยวโลก World Tourism Day สำหรับผู้ชนะจากการประกวดครั้งนี้ นอกจากจะได้รับโล่รางวัลแล้วยังจะได้รับการประชาสัมพันธ์ ต่อยอดขยายผลทางการตลาดและขายอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านสื่อต่างๆ มากมาย รวมทั้งการขายผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ระดับโลก Airbnb เป็นต้น
📍www.indyreport.com