ดร.ซกกรัดทะยา ซก หรือ ดร.แซม รัฐมนตรีช่วยว่าการท่องเที่ยว ของราชอาณาจักรกัมพูชา เผยถึงทิศทางและโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรรมท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องในประเทศกัมพูชา เนื่องในโอกาสมาเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 6-9 เมษายน 2562 ณ ห้องอาหารฝ้ายคำ ถนนเทพรัตน์ (บางนา-ตราด) กรุงเทพฯ
Dr.Sokrethya Sok (Dr.Sokrethya Sok l Ph.D Under Secretary of State MINISTRY OF TOURISM) หรือ ดร.แซม เล่าว่า “ผมมีโอกาสไปเรียนจบปริญญาโทและปริญญาเอกจากต่างประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา ในช่วงที่กัมพูชาเปิดประเทศในช่วงแรกๆ สามารถพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย จึงมีความคิดจะรวบรวมเด็กรุ่นใหม่ที่จบจากต่างประเทศให้ไปช่วยกันพัฒนาประเทศร่วมกับรัฐบาลนายกรฐมนตรี สมเด็จ ฮุนเซ็น ซึ่งผมได้มีโอกากาสเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงท่องเที่ยว ที่ดูแลด้านดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง ดูแลการพีอาร์ และโปรโมชั่น หรือส่งเสริมการตลาดโดยใช้สื่อดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งจะมีการเปิดตัวแอพ ”CAMBODIA TOURIST ASSIST” ประมาณเดือนกรกฏาคม หรือ เดือนสิงหาคม 2562 เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชา และดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวเที่ยวต่างชาติ ให้สนใจมาลงทุนและท่องเที่ยวในกัมพูชามากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีน และไทย”
นอกจากนี้ ดร.แซม ยังมองว่าด้านการลงทุนในกัมพูชานั้น ที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้คือด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการทีเกี่ยวข้อง รองลงมาคือด้านการเกษตร ที่พร้อมจะเปิดรับกลุ่มทุนต่างๆ “ทั้งนี้ ด้านการท่องเที่ยวกัมพูชา ยังมีจุดขายหลายอย่างที่ยังไม่ผุดขึ้นมา และการท่องเที่ยวเป็นการลงทุนที่ดีรัฐบาลก็สนับสนุนด้วย โดยปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวต่าชาติ 6.4 ล้านคน รวมในประเทศแล้วมีนักท่องเที่ยว 14 ล้านคน ปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 10% หรือมากว่านั้น เพราะเริ่มมีความพร้อมด้านการเดินทางมากขึ้น แต่ที่ยังไม่เพียงพอทั้งในจังหวัดพระสีหนุ เสียมเรียบ และ พนมเปญ คือ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยว โดยรัฐบาลตั้งเป้าว่าในปี 2020 เฉพาะนักท่องเที่ยวจีนจะมีประมาณ 2 ล้านคน โดยรวมต่างชาติประมาณ 7 ล้านคน ส่วนปี 2030 นักท่องเที่ยวจีนจะมีประมาณ 8 ล้าน และรวมแล้วจะมีนักท่องเที่ยวทั้งหมดประมาณ 15 ล้านคน ซึ่งขณะนี้มีการทำความร่วมมือกับจีน ที่จะมาท่องเที่ยวได้ตามจำนวนดังกล่าว ส่วนนักท่องเที่ยวที่มากัมพูชา มาเป็นอันดับ 2 คือเกาหลี นอกจากนี้ ยังมีญี่ปุ่นและไทย
อย่างไรก็ตาม จากกรณีกัมพูชา ยังไม่มีความพร้อมเรื่องที่พักโรงแรม บริการท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น สปา ร้านอาหาร ดังกล่าว จึงนับเป็นโอกาสของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะไทยและจีน ซึ่งมั่นใจว่า นักลงทุนจะประสบความสำเร็จอย่างดี และคืนทุนภายในเวลารวดเร็ว ขณะเดียวกัน รัฐบาลพยายามปรับปรุงระบบขนส่งและคมนาคมให้สะดวกสบายมากขึ้น ทั้งสนามบิน และ อาหาร การขนส่งสาธารณะ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน เช่น การก่อสร้างถนนหมายเลข 3 จากพนมเปญ ไป “จังหวัดแกบ” ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มืชื่อเสียง หากแล้วเสร็จจะเดินทางสะดวกขึ้น โดยใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่ากับการเดินทางจากกรุงเทพไปพัทยาหรือบางแสนของไทย”
“จังหวัดแกบ” เป็นจังหวัดที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา แบ่งเป็น 2 อำเภอ คือแกบและฎ็อมนักจองเออ ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 164 กิโลเมตร อยู่ห่างจากจังหวัดห่าเตียนของประเทศเวียดนามไม่กี่กิโลเมตร แกบเป็นจังหวัดที่มีประชากรน้อยเพียง 40,280 คน และเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดของประเทศ พื้นที่จังหวัดแกบเป็นส่วนหนึ่งของบริเวณกำปอตในสมัยที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส เป็นเมืองพักตากอากาศที่มีชื่อเสียงสำหรับชาวฝรั่งเศสและชาวกัมพูชาชั้นสูงระหว่างปี พ.ศ. 2443–2503 มีหมู่บ้านแบบฝรั่งเศสเป็นจำนวนมากซึ่งเก่าและโทรมลง แต่ก็กำลังพัฒนาขึ้นใหม่อย่างช้าๆ แกบมีถนนเชื่อมต่อกับจังหวัดกำปอต หาดเป็นป่าชายเลนและหาดหิน (ต่างจากหาดจังหวัดพระสีหนุที่เป็นหาดทรายขาว) มีเกาะอยู่ใกล้ๆ จำนวนมาก เช่นเกาะตวนซาย แกบมีชื่อเสียงด้านอาหารทะเลโดยเฉพาะปู
ดร.แซม เผยถึงแผนลงทุนในการพัฒนาศักยภาพท่องเที่ยวกัมพูชาในจังหวัดแกบ ว่า “เนื่องจากจังหวัดแกบ ที่แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ ของกัมพูชา แต่เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและอยู่ใจของชาวกัมพูชาทุกคน รวมถึงชาวยุโรป ซึ่งจะรู้จักเป็นอย่างดี ดังนั้นผมจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาศักยภาพเมืองแกบให้เป็นเมืองท่องเที่ยว เพื่อหวังให้มีเศรษฐกิจเติบโตและชาวบ้านในพื้นที่มีรายได้มากขึ้น โดยผมกับกลุ่มนักลงทุนฮ่องกง กำลังมีโครงการลงทุนสร้าง “พระพุทธรูป” ที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 126 เมตร ทำจากทองสัมฤทธิ์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มสร้างภายปีนี้ บนเนินเขาภายในอทุยานฯ ของเมืองแกบ ซึ่งได้ขออนุญาตจากกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของกัมพูชาแล้ว อยู่ในขั้นตอนการเสนอแบบโครงการเท่านั้น ทั้งนี้เมื่อสร้างพระพุทธรูปแล้วเสร็จ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมทั้งจากการเดินเท้าขึ้นไปและเดินทางโดยเคเบิ้ลคาร์ และสะพานกระจก ที่จะลงทุนก่อสร้างไปพร้อมๆ กัน
นอกจากลงทุนสร้างพระพุทธรูปแล้ว ผมยังมีแนวคิดที่จะพัฒนา “ตลาดปู” ที่สร้างขึ้นมาสมัยฝรั่งเศสและมีชื่อเสียงมานานเนื่องจากอยู่ติดทะเล โดยจะปรับปรุงทำแลนด์มาร์กเป็นศูนย์กลางของการกิน โดยชาวบ้านที่อยู่เดิมจะให้ค้าขายฟรี และเปิดให้ผู้ประกอบการนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาลงทุนค้าขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวต่างๆ ได้ นอกจากนี้ในพื้นที่ใกล้เคียง ตนเองจะลงทุนสร้าง “โรงแรมระดับ 5 ดาว” จำนวน 500 ห้อง และใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นคาสิโน ประมาณ 1 หมื่นตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบสมบูรณ์ พร้อมกันนี้ ยังเตรียมสร้าง “สนามกีฬาแข่งสุนัข” หรือ “ด็อกเรชซิ่ง” ซึ่งติดต่อเรื่องลิขสิทธ์ไลน์เซ่นต่างๆ พร้อมแล้ว มั่นใจว่าจะประสบความเร็จ เนื่องจากเป็นกีฬาระดับโลกที่ได้รับความนิยม ในกลุ่มนักธุกิจจากดูไบ ยูโรป และอังกฤษด้วย ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าใช้งบลงทุนในโครงการที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดประมาณ 900 ล้านบาท และจะสามารถได้รับทุนคืนภายในไม่กี่ปี เนื่องจากคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไม่ต่ำกว่า 5,000 คนต่อวัน ซึ่งจะทำให้มีเงินสะพัดในพื้นที่ สร้างรายได้ให้ชาวบ้านและพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียงให้เติบโตมากขึ้นตามที่ตั้งใจไว้
สำหรับการเดินทางไปจังหวัดแกบนั้น สามารถใช้เส้นทางการบินจากกรุงเทพไปพนมเปญแล้วต่อรถยนต์ไปจังหวัดแกบ และอีกเส้นทาง คือ เส้นทางการบินจากกรุงเทพฯไปลงสนามบินสีหนุ ต่อด้วยรถยนต์ไปจังหวัดแกบ เป็นต้น ส่วนช่องทางอื่นคือทางเรือ ทางจังหวัดตราด เกาะช้าง ที่จะมีการสร้างท่าเรือท่องเที่ยวบริการ ไฮโบ้ส หรือสปีดโบ้ส ขนาดใหญ่ ไว้บริการนักท่องเที่ยวไปจังหวัดแกบ ได้เช่นกัน และนักท่องเทียวยังสามารถใช้บริการชาร์เตอร์ไฟล์ท ที่จะเตรียมเปิดรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต พร้อมด้วยบริการท่องเที่ยวแบบแพคเกจทัวร์ แบบ 2 วัน 3 คืน ในราคาไม่แพง ที่สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวแน่นอน เพราะเมื่อได้มาสัมผัสเมืองแกบแล้วจะได้เห็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ที่มีศักยภาพ มีทั้งพระพุทธรูปสูงที่สุดในโลกอีกด้วย”
นอกจากนี้ ดร.แซม ยังเพิ่มเติมอีกว่า มีแนวคิดที่จะช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานกัมพูชาในประเทศไทย ที่มีอยู่กว่า 2 ล้านคน โดยเปิดมูลนิธิชื่อ CAMBODIAN MIGRANT FUND เพื่อให้แรงงานกัมพูชาเข้ามาเป็นสมาชิกของมูลนิธิ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หากใครมีปัญหาหรือข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเข้าทำงานในประเทศไทย ทางมูลนิธิจะช่วยประสานการติดต่อกับทางการไทยให้ ซึ่งเบื้องต้นตอนนี้ทางมูลนิธิมีสมาชิกอยู่แล้วประมาณ 8 หมื่นคน และอนาคตก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ใช้แรงงานกัมพูชาเป็นอย่างมาก
www.indyreport.com