การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม ร่วมกับชมรมสื่อสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยวนำสื่อมวลชนสำรวจแหล่งท่องเที่ยว “วิถีชุมชนคนมันส์ Green” จังหวัดสมุทรสงคราม
เมื่อวันที่ 30-31 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงครามร่วมกับชมรมสื่อสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยวได้จัดกิจกรรมสำรวจแหล่งท่องเที่ยว “เมืองรองสู่มุมมองเมืองดาวรุ่ง” ในโครงการ “เที่ยววิถีชุมชนคนมันส์ Green” จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมี นางวาสนา สุขเกษม รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงครามให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
นางวาสนาสุขเกษมรองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงครามกล่าวว่า “จังหวัดสมุทรสงครามถือเป็นเมืองรองมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งนอกจากแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่นำชมในทริปนี้แล้วก็ยังมีจุดไฮไลท์ที่น่าสนใจและเป็น unseen ก็จะมี “โบสถ์ปรกโพธิ์” ที่คลุมด้วยต้นโพธิ์ต้นไทรต้นไกรต้นกางที่วัดค่ายบางกุ้งเพราะมีเรื่องราวที่ในสมัยก่อนนี้เคยเป็นค่ายของพระเจ้าตากสิน
นอกจากจุดไฮไลท์แล้วเราก็ยังมีตลาดน้ำที่สำคัญในพื้นที่ ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์รักษาวิถีชุมชนและรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย ก็คือ “ตลาดน้ำท่าคา” ที่ชาวบ้านพายเรือมาค้าขาย ในวันเสาร์-อาทิตย์ มีนักท่องเที่ยวและนักปั่นจักรยานมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก มีอาหารอร่อยมากมายหลากหลายและของซื้อของฝากของที่ระลึกถูกกว่าที่อื่นค่ะ สามารถรับข้อมูลได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสมุทรสงคราม ” นางวาสนา กล่าว
ด้าน นายพูลผล แพทอง ประธานชมรมสื่อสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยวกล่าวถึงการลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวในครั้งนี้ “เที่ยววิถีชุมชนคนมันส์ Green สมุทรสงครามเมืองสามน้ำสามนาคือน้ำจืดน้ำเค็มน้ำกร่อยนาข้าวนาเกลือและนากุ้งคือการผสมผสานกลมกลืนแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่สนุกสนานอนุรักษ์ธรรมชาติพลังงานสะอาดวัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบชุมชนดั้งเดิมสบายสะอาดปลอดภัยไร้มลพิษชีวิตเป็นสุขอย่างยั่งยืนนั่นเอง
ซึ่งการเดินทางในทริปนี้ประกอบด้วยสื่อทุกประเภทบล็อกเกอร์และสื่อออนไลน์สื่อสิ่งพิมพ์สื่อวิทยุสื่อโทรทัศน์รวมประมาณ 15 ท่านเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารกิจกรรมที่เกิดขึ้นและเกิดการรับรู้เข้าใจในข้อมูลในแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองที่สื่อออกไปในสื่อต่างๆ ทุกมิติอย่างสร้างสรรค์สังคมและวงการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศและเป็นการช่วยส่งเสริมสนับสนุนกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกช่องทางหนึ่งด้วยครับ” นายพูลผล กล่าว
สถานที่แรกที่คณะสื่อมวลชนเดินทางเข้าพื้นที่เขตจังหวัดสมุทรสงครามที่โรงเรียนสอนทำนาเกลืออ.เมืองจ.สมุทรสงครามเพื่อการเรียนรู้การทำนาเกลือเมื่อครั้งสมัยโบราณและปัจจุบันณ “ศูนย์เรียนรู้คนทำนาเกลือ” ต.บางแก้วอ.เมืองจ.สมุทรสงครามเป็นโรงเรียนสอนทำนาเกลือเพื่อการเรียนรู้การทำนาเกลือซึ่งปัจจุบันพื้นที่ทำนาเกลือเริ่มเหลือน้อยลงจึงต้องช่วยกันอนุรักษ์นาเกลือไว้ศึกษาเรียนรู้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่สนใจการผลิตเกลือเป็นสินค้าแปรรูปหลายๆชนิดสามารถเข้าชมได้และมีวิทยากรบรรยายให้ความรู้
นายบุญปรอดเจริญฤทธิ์หรือ “ครูโต” ปราชญ์แห่งนาเกลือซึ่งได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยชีวิตรับใบประกาศเชิดชูเกียรติ “เมธาจารย์มหาวิทยาลัยชีวิต” หมายถึงผู้มีคุณธรรมเป็นแบบอย่างมีความรู้ความสามารถประสบการณ์ชีวิตและงานที่โดดเด่นเป็นที่ประจักษ์แก่ชุมชนและสังคมทั่วไปในเรื่องที่เกี่ยวกับวิถีชุมชนและการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น “ครูโต” เล่าว่า “สำหรับที่นี่เปิดกว้างให้กับทุกคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่สนใจมาเรียนรู้เรื่องเกลือที่นี่จะเป็น “เกลือสมุทร” มีจะมีอยู่ 3 จังหวัดที่ทำนาเกลือคือจังหวัดสมุทรสงครามจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดเพชรบุรีโดยจังหวัดสมุทรสงครามเป็นจังหวัดแรกที่เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้การทำนาเกลือซึ่งเกลือมีหลายชนิดหลายแบบมีทั้งเกลือเค็มเกลือจืดเกลือขมและเกลืออีกหลายชนิดเกลือสามารถเป็นได้หลายอย่างเป็นทั้งพระเอกนางเอกตัวร้ายและตัวประกอบเกลือสามารถเป็นได้หมดมีทุกอย่างจากเกลือซึ่งต้องมาเรียนรู้กัน
การทำนาเกลือเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่ถ่ายทอดกันเรื่อยมาจนถึงคนรุ่นเราน่าเสียดายถ้าความรู้เหล่านี้จะสูญหายไปเพราะคนทำนาเกลือขายที่ดินกันเกือบหมดแล้วจังหวัดสมุทรสงครามในอดีตมี 2 ตำบลที่ทำนาเกลืออยู่ราว 123 รายเดี๋ยวนี้เหลือไม่ถึง 10 รายที่เป็นเจ้าของนา “ขี้แดดนาเกลือ” หรือที่คนทำนาเกลือเรียกว่าดินหนังหมาและถือว่าเป็น “ขยะ” ที่จะต้องกำจัดทิ้งแต่เดี๋ยวนี้สามารถขายได้และเป็นรายได้ซึ่ง “ขี้แดดนาเกลือ” มีสารอาหารของพืชครบถ้วนทั้งธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรองได้แก่ธาตุเหล็กทองแดงแคลเซียมฟอสฟอรัสโพแทสเซียมแมกนีเซียมโซเดียมซิลิก้าและอะลูมิเนียมเป็นต้นคือเป็นปุ๋ยชั้นดีของพืชผักผลไม้ทำให้ขี้แดดนาเกลือกลายเป็นของมีค่าขายได้กิโลกรัมละ 2-3 บาทตันละ 2,000 บาท
การพัฒนาต่อยอดจากขั้นตอนการทำนาเกลือเช่นการทำ “วังน้ำ” ซึ่งใช้เก็บน้ำเค็มให้ตกตะกอนก่อนปล่อยน้ำเค็มไปสู่ “นาตาก” นั้นได้ทำการพัฒนา “วังน้ำ” ให้เป็นแหล่งเลี้ยงหอยปลาและสาหร่ายพวงองุ่นทำให้ในวังน้ำสามารถสร้างอาชีพและมีรายได้มากกว่าการทำนาเกลือส่วน “นาตาก” หลังจากนำผลผลิตเกลือออกไปแล้วได้ขูดขี้แดดนาเกลือทำเป็นปุ๋ยเพิ่มความหวานให้แก่ผลไม้ต่างๆหรือจะนำไปใช้เลี้ยงสัตว์ปีกเช่นนกไก่และเลี้ยงปลาก็ได้ด้วยสำหรับเกลืออีกชนิดหนึ่งคือ “เกลือจืด” สมัยก่อนจะขูดเอาเกลือจืดไปทิ้งถมคลองถมที่เราสามารถพัฒนานำเกลือจืดทำเป็นเครื่องสำอางบำรุงผิวได้อีกด้วย
นอกจากนั้น “ดอกเกลือ” ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำทำเป็นเกลือสปาบำรุงผิวนำ “ดินฝุ่นเกลือ” ไปทำไข่เค็มนำ “น้ำเค็ม” ส่วนที่เกินในนาเกลือไปขายใช้เลี้ยงสัตว์น้ำและนำ “ดีเกลือ” ที่มีความเค็มสูงจนขมสมัยก่อนใช้ผสมทำยาไทยหลายชนิดถูกพัฒนานำมาใช้เพาะเห็ดได้ดีและเก็บขี้แดดนาเกลือขายให้แก่โครงการวิจัยคุณสมบัติและการใช้ประโยชน์จากขี้แดดนาเกลือการเก็บดินฝุ่นในนาเกลือใช้ทำไข่เค็มการทำ “ชาใบขลู่” ซึ่งต้นขลู่เป็นพืชสมุนไพรที่ขึ้นตามคันดินรอบๆนาเกลือใช้ทำเป็นชาใบขลู่ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดีและเก็บใบชะครามใช้ทำอาหารเป็นแกงส้มชะครามไข่เจียวชะครามสร้างรายได้ให้แก่เยาวชนที่ไม่มีอาชีพได้
นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่สนใจการผลิตเกลือเป็นสินค้าแปรรูปหลายๆชนิดสามารถเข้าชมได้มีวิทยากรบรรยายให้ความรู้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “ศูนย์การเรียนรู้โรงเรียนคนทำนาเกลือ” 99/1 หมู่ 7 ต.บางแก้วอ.เมืองสมุทรสงครามจ.สมุทรสงคราม 75000โทร081-856-2673
หลังจากนั้นเดินทางต่อมาที่ “บ้านริมคลองโฮมสเตย์” อ.อัมพวาจ.สมุทรครามร่วมทำกิจกรรม CSR เป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อการท่องเที่ยวเช่นขั้นตอนการทำน้ำตาลมะพร้าวเคี้ยวน้ำตาลมะพร้าวทำขนมจากขนมต้มขนมไทยต่างๆการสานหมวกด้วยใบมะพร้าวเป็นต้นรวมถึงการพักแรมโฮมสเตย์สัมผัสวิถีชีวิตการตกกุ้งในคลองผีหลอกเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้อย่างดีมาก
สนุกสนานเรียนรู้วิถีชุมชนคนแม่กลองกับกิจกรรม CSR “บ้านริมคลองโฮมสเตย์” อ.อัมพวาจ.สมุทรสงครามเป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อการท่องเที่ยวโดย “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์” ได้รับรางวัลมาตรฐานโฮมสเตย์รางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวครั้งที่ 8 และได้รับคัดเลือกเป็นชุมชนสร้างสรรค์ 20 อันดับของประเทศโดยนิตยสาร Creative Tourist อีกทั้งยังเป็นชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงเรียกได้ว่าการมาพักผ่อนกับบ้านริมคลองนอกจากจะได้รับความสะดวกสบายและเต็มอิ่มกับการพักผ่อนกับธรรมชาติแล้วยังได้รับความรู้และได้ทำกิจกรรมที่สนุกสนานมากมายอีกด้วย
คุณถิรดา เอกแก้วนำชัย ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์เล่าว่า “ที่นี่มีโฮมสเตย์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนและมีกิจกรรมหลายอย่างให้ทำอาธิกิจกรรมทำขนมไทยทำจักสานจากใบมะพร้วให้เป็นหมวกกระเช้านกปูปลาและสปาเท้ามีการปรุงเกลือและนำมาทำสปาเท้าและอีกอย่างที่เป็นวิถีชีวิตและเอกลักษณ์ของเราเลยก็คือการทำน้ำตาลมะพร้าว
และจะได้เดินชมสวนมะพร้าวดูวิธีการปาดตาลชิมน้ำตาลสดจากต้นและนำน้ำตาลไปเคี่ยวกันที่โรงงานน้ำตาลร่วมกันหยอดน้ำตาลมะพร้าวและชิมน้ำตาลมะพร้าวกันซึ่งมีรสชาติอร่อยด้วยหากอยากมาเที่ยวมาเรียนรู้วิถีชุมชนคนแม่กลองสามารถมาที่นี่ได้เลยที่ “บ้านริมคลองโอมสเตย์” ซึ่งเรามีกิจกรรมหลากหลายยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ” สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ “บ้านริมคลองโฮมสเตย์” 43/1 หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านปรกอำเภอเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม 75000 โทร .034-752775 , 089-1702904 หรือที่ FB : บ้านริมคลองโฮมสเตย์ , www.banrinklong.net
นักท่องเที่ยวสนใจจะเดินทางมาเที่ยวจังหวัดสมุทรสงครามสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานสมุทรสงครามโทร. 034-752847 ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
www.indyreport.com