เผยรายละเอียด พล.อ.ประยุทธ์ประชุมหน่วยงานคทช. เร่งขับเคลื่อนนโยบายที่ดินแห่งชาติให้เกิดผลงานก่อนหมดวาระ นำร่องดันร่างพ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินฯเสนอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายก่อนส่งช่องทางด่วนสู่ที่ประชุมร่วมสองสภาในปลายปี
ตามที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ ทำเนียบรัฐบาลนั้น แหล่งข่าวระดับสูงเปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงนโยบายของคทช.ในการยกเลิก ปรับปรุง แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับการบริหารจัดการทรัพยากรดินทั้งหมดในประเทศไทยให้มาผ่านที่คทช. โดยให้มีการกลั่นกรองและนำเสนอดำเนินการให้รวดเร็ว เพราะหลายฉบับใช้มานานไม่เคยแก้ไข บางฉบับมีปัญหาทับซ้อนระหว่างหน่วยงาน บางฉบับขัดแย้งกับประชาชนก่อให้เกิดความเดือดร้อนและไม่เกิดความคืบหน้าทางเศรษฐกิจ
ในการประชุมดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(สคทช.) ในฐานะเลขานุการของคทช. ได้นำร่องเสนอร่างพ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินและคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมพ.ศ……. ซึ่งสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) จัดทำเสร็จแล้ว ที่ประชุมคทช.เห็นชอบในหลักการโดยให้เร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
“ในอดีตมีความพยายามที่จะแก้ไขพ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตั้งแต่ปี 2552-2553 ไม่สำเร็จ ต่อมาปี 2557-2558 ก็ไม่สำเร็จอีกเพราะปัญหาด้านการเมือง มาปีนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะให้กฎหมายที่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสังคมส่วนรวมได้รับการแก้ไขสำเร็จภายในรัฐบาลนี้”แหล่าวข่าวกล่าว
ตามกระบวนการทำงานนั้นแหล่งข่าวอธิบายว่า เดือนกรกฎาคมจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองทางกฎหมายที่ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หากผ่านการพิจารณาจะส่งเข้าคทช. จากนั้นเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคม ส่งต่อเข้าคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบความถูกต้องก่อนเสนอต่อที่ประชุมสภาในเดือนพฤศจิกายน
“หน่วยงานอื่นๆหากมีการทบทวนกฎหมายว่ามีปัญหาอะไรแล้วรีบเสนอเข้ามาก็จะดำเนินการตามช่องทางนี้เหมือนกันไม่ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ตาม อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ช่องทางนี้ได้ถูกออกแบบมาให้เร็วที่สุดและดีที่สุดในเวลานี้จากเดิมที่ไม่มีทิศทางเลย” แหล่งข่าวกล่าว
คทช.จะเป็นหน่วยงานที่สามารถบริหารจัดการที่ดินได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อแก้ปัญหาผู้ที่ไม่มีที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและทำกิน การแก้กฎหมายได้เร็ว ก็เท่ากับแก้ปัญหาให้ทุกฝ่ายทั้งประชาชน ราชการ เอกชน หากดำเนินการสำเร็จประชาชนจะมีที่อยู่ ที่ทำกิน ประกอบกิจการทั้งเกษตรกรรม ธุรกิจบริการ การพาณิชย์ การท่องเที่ยว พลังงานทดแทน ฯลฯ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ
“ที่ดินเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดเพราะทุกคนต้องการความมั่นคง แต่ถามว่าวันนี้ประชากรประมาณ 70 ล้านคน คงมีไม่ต่ำกว่า 40-50 ล้านคนที่ไม่มีความมั่นคงในชีวิตเลย อีกทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมนับวันจะยิ่งรุนแรง ถ้ารัฐบาลมอบความมั่นคงให้ประชาชนได้ด้วยการบริหารจัดการที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมก็จะช่วยให้สังคมไทยเป็นสุขมากขึ้น ภายใน 3 เดือนหรือไตรมาส 3ของปีนี้ควรจะมีนโยบายใหม่ๆที่สร้างความพึงพอใจแก่ประชาชน” แหล่งข่าวกล่าวในตอนท้าย
……….……………………….…………………
📍www.indyreport.com