ผลการลงคะแนนในญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตอนสายวันที่ 4 กันยายน โดยคะแนน “ไว้วางใจ” 264 เสียง ติดอันดับรองบ๊วย นั่นคือ ได้มากกว่า สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 1 เสียง
รัฐมนตรีที่เหลืออีก 4 คน คะแนนไว้วางใจแซงหน้าไปหมด
กระนั้น เบื้องหลังตลอด 4-5 วันช่วงศึกซักฟอกก็มีการเคลื่อนไหวอย่างอึกทึกครึกโครม สะท้อนความคิดและตัวตนบางอย่างทั้งบิ๊กตู่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และบิ๊กนัส ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
พอประมวลได้ว่า บิ๊กตู่ โยนให้ “พี่ป้อม”ไปเคลียร์แรงกระเพื่อมส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐอย่าให้แตกแถวในการโหวต รวมทั้งส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลด้วย ขณะเดียวกันก็มองข้ามความสำคัญของ บิ๊กนัส ที่มีกระแสข่าวว่าอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวล็อบบี้เสียงส.ส. ถึงกับกล่าวว่า “ ทำไมต้องคุยล่ะ…ผมไม่เคยมีประเด็นอะไรกับเขา….ผู้ใหญ่ต้องเชื่อฟังเด็กเหรอ..ผมเป็นใคร ผมเป็นนายกฯ แล้วนายกฯต้องฟังใคร..จะไม่ปรับครม. ไม่ยุบสภา…”
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสก็ได้แสดงท่าทีผ่านการตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้ติดยึดตำแหน่ง แต่ต้องการให้พรรคพลังประชารัฐได้รับความนิยมจากประชาชนโดยใช้ผลงานของรัฐมนตรีของพรรค
หลังเคลียร์ใจ บิ๊กนัสก็พิสูจน์ให้เห็นถึงการเคารพต่อ พล.อ.ประวิตรในฐานะหัวหน้าพรรคที่ต้อง การให้พรรคสามัคคีกัน
ถือคติว่า “ยังอดทนได้ ก็อดทนไปก่อน จนกว่าวันนั้นจะมาถึง”
การยอมปรับตัวของ บิ๊กตู่ที่บอกหลังรู้ผลโหวตศึกซักฟอกว่า นับจากนี้จะพบเจอกับส.ส.พรรคพลังประชารัฐให้บ่อยขึ้นก็เป็นผลมาจาก การเคลื่อนไหว แต่เมื่อพบเจอกันแล้วจะมีอะไรดีขึ้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง
โจทย์ที่สำคัญประการหนึ่ง แม้บิ๊กตู่จะไม่แยแสต่อปัญหาในพรรค แต่บิ๊กป้อมต้องตอบส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐให้ได้ว่า จะปล่อยให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นแค่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรไปเรื่อยๆอย่างนั้นหรือ
มีธรรมเนียมที่ไหน ที่คนเป็นระดับ “แม่บ้านพรรค” ตำแหน่งเลขาธิการพรรคอันดับหนึ่งในรัฐ บาลไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยฯ อยู่ภายใต้เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคอันดับ 3 ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ
นอกจากนี้ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย พรรคอันดับสอง ก็ยังไปนั่งเก้าอี้เกรด Aเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
แม้ร.อ.ธรรมนัสไม่พูด หรือแม้ส.ส.พลังประชารัฐไม่ทวงถาม ทั้งบิ๊กป้อมและบิ๊กตู่ก็ต้องรู้และต้องเปิดอกคุยกันประสาการเมืองให้ชัดว่าจะจัดการอย่างไร
ต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้านี้ ก็เคยเกิดเหตุ 4 กุมาร “สมคิด – อุตตม – สนธิรัตน์ – กอบศักดิ์”มาแล้ว
บิ๊กป้อม บิ๊กตู่ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชิ้ ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ กระทั่งเกิดการเคลื่อนไหวกดดันจากส.ส.ในพรรค
สุดท้าย “ข้าวนอกนา” ที่ไม่ยึดโยงกับส.ส.ของพรรค ก็จำต้องลาออกไป
เหลือเวลาอีกไม่นานจะถึงวันเลือกตั้ง คนเป็นเลขาธิการพรรคย่อมต้องเตรียมการให้พร้อมเพื่อนำทัพไปสู่สนามเพื่อชิงชัย ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ก็อย่าหวังเลยว่าพลังประชารัฐจะกวาดส.ส.เข้าสภา
เก้าอี้มท.1ที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดายึดครองมานานเกือบ 8 ปี จะไม่ยอมคายให้ ร.อ.ธรรมนัสใช่ไหม
ส.ส.พลังประชารัฐมีสิทธิที่จะถามว่า พล.อ.อนุพงษ์จะช่วยพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไร
ศึกหนักของบิ๊กป้อม บิ๊กตู่ บิ๊กป๊อก มิได้จำกัดอยู่ในสภา หรือในพรรคพลังประชารัฐ หากแต่ยังมีศึกนอกสภาที่มีมวลชนประท้วงขับไล่ประยุทธ์ “ออกไป”ไม่ยอมเลิกรา การแก้วิกฤตประเทศ สร้างผลงานให้ปรากฏเพื่อลบล้างข้อกล่าวหาโจมตีที่ว่าผิดพลาด ล้มเหลวจะทำอย่างไร
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ผ่านมาก็เผชิญวิกฤติหนักหนาสาหัส มาโดนกระหน่ำซ้ำเติมจากศึกซักฟอกเข้าอีก
การไม่ปรับเปลี่ยนอะไรเลย เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ บิ๊กตู่ และพรรคพลังประชารัฐเคลื่อนขบวนไปข้างหน้า
ณ นาทีนี้ อย่าได้ดูแคลนผู้กองธรรมนัสซึ่งเป็นสายเลือดใหญ่ของรัฐบาล
เพราะถ้าพลาดนิดเดียว “บิ๊กตู่ – บิ๊กป้อม”อาจพังทั้งกระดาน!
///////////////////////////////////////////////////////////
📍www.indyreport.com