จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรมงาน “แต่งงานและจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง” ครั้งที่ 13 ประจำปี 2563
วันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2563) จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรมงาน “แต่งงานและจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง” ครั้งที่13 ประจำปี 2563 ในระหว่างวันที่ 13 – 14 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ศูนย์คชศึกษา หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ โดยได้รับเกียรติจาก นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วยนายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายกิตติเมศวร์ รุ่งธนเกียรติ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ และ นางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานสุรินทร์เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง มีนักท่องเที่ยวและประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมากบรรยากาศยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่นอบอวลไปด้วยความรัก จากคู่บ่าวสาวจำนวน 60 คู่ โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ และร่วมอนุรักษ์วิถีชีวิตสืบสานประเพณีการแต่งงานแบบชนพื้นเมืองดั้งเดิมของสุรินทร์ให้คงอยู่สืบไป
นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวถึงความสำคัญของช้างและความผูกพันธ์ของคนไทยกับช้างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า ช้างไทยมีบทบาทในวิถีชีวิตของผู้คนโดยเฉพาะของคนไทยอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะช้างไม่ว่าจะเป็นคติความเชื่อในเรื่องศาสนา ชีวิตความเป็นอยู่ ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นมงคล
ปัจจุบัน กระแสของโลกเริ่มที่จะมองว่าเราทารุณสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ทุกประภทที่ใช้ขี่ จะเป็นการหมายถึงการทารุณสัตว์ มองในบริบทของทางตะวันตก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเป็นอยู่จึงจำเป็นที่จะต้องอธิบายชี้จงให้เข้าใจ จึงถือโอกาสในเวทีนี้ทำความเข้าใจกัน ขอรับรองว่าสุรินทร์ไม่ได้เลี้ยงช้างเพื่อเอาไว้ใช้งาน อย่างเช่นการลากซุงเราเลี้ยงช้างเหมือนสมาชิกในครอบครัว แล้วเรื่องการล่าช้างเพื่อเอางาเค้าถือกันมาก เพราะคติความเชื่อที่ว่าการที่ได้งาจากช้างที่ถูกฆ่า ถื่อว่าเป็นงาอัปมงคลซึ่งเขาไม่ทำกัน
จึงอยากจะวิงวอนทุกภาคส่วน ถ้าอยากจะเห็นช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองต่อไปจะทำอย่างไร เราจะได้ช่วยกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้แบ่งเบาภาระคนเลี้ยงช้างให้เขาอยู่ได้ช้างอยู่ได้ และเป็นการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมคงความรู้ในการเลี้ยงช้างของเราซึ่งนับวันจะเลือนหายไป ให้มีความยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้นายไกรสร พ่อเมืองจังหวัดสุรินทร์ ยังได้กล่าวเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจได้มาท่องเที่ยวและสัมผัสจังหวัดสุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ในช่วงปลายปีนี้ในเดือนพฤศติกายน จะเป็นวันครบรอบ 60 ปีช้างไทย ซึ่งตั้งใจว่าปีนี้จะจัดให้ยิ่งใหญ่ อย่างแรกเป็นการเชิดชูเกียรติคุณช้างไทยว่ามีความสามารถและเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง เราคนไทยมีความผูกพันธ์กันมาอย่างช้านาน อยากให้พวกเรามาให้กำลังใจช้างไทยและคนเลี้ยงช้าง สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุข และสำคัญที่สุดอยากให้ทุกท่านมาเที่ยวจังหวัดสุรินทร์
สุรินทร์เป็นจังหวัดไม่กี่จังหวัดที่สามารถตอบโจทย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปราสาทที่เก่าแก่ เรื่องผ้าไหม เรื่องข้าวโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิของสุรินทร์ถือเป็นข้าวที่อร่อยที่สุดในโลก อยากให้ลองมาสัมผัสสุรินทร์กันดูครับ” นายไกรสร กล่าว
ด้านนางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานสุรินทร์ เผยว่า “การจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างและการประกอบพิธีแต่งงาน แบบชาวกวยหรือ “พิธีซัตเต” ของชาวพื้นเมืองดั้งเดิม ของจังหวัดสุรินทร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวในโลก เจ้าบ่าวแต่งกายด้วยการนุ่งโสร่งไหม เสื้อแขนยาวสีขาว ผ้าไหมพาดบ่า ศีรษะสวมด้ายมงคล 3 สี เจ้าสาวนุ่งผ้าซิ่นไหมลายกวย เสื้อแขนกระบอกสีอ่อนพาดด้วยสไบสีแดงและศีรษะสวม “จะลอม” (มงกุฎที่ทำจากใบตาล) เข้าประกอบพิธีตามลำดับความสำคัญ
คือ พิธีสวมด้ายมงคลบ่าว–สาว บายศรีสู่ขวัญ และพิธีถอดคางไก่ทายชีวิตคู่บ่าว–สาวโดยหมอพราหมณ์รวมถึงเลี้ยงอาหารช้างเพื่อความเป็นสิริมงคล และการจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกจากนั้นร่วมบันทึกความหวานเป็นภาพประวัติศาสตร์สุดประทับใจ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ตามแผนตลาดการท่องเที่ยว ปี 2563 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุรินทร์ ตามโครงการCool วันธรรมดาน่าเที่ยว @สุรินทร์ – ศรีสะเกษ ททท.สำนักงานสุรินทร์ จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมพิธีแต่งานบนหลังช้างจังหวัดสุรินทร์ “
นอกจากจังหวัดสุรินทร์จะมีแต่งงานและจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง อันยิ่งใหญ่ หนึ่งเดียวในโลกแล้ว จังหวัดสุรินทร์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายให้มาสัมผัส สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานสุรินทร์ โทร. 0 4451 4447-8 – E-mail : tatsurin@tat.or.th
📍www.indyreport.com