ททท. ร่วมกับ จังหวัดสุรินทร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ หน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชน จัด “พิธีฮาวปลึงจองได” หรือ “พิธีสู่ขวัญ“ ซึ่งเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของลาวสุรินทร์ (เชื้อสายเขมร) เพื่อความเป็นสิริมงคล ภายใต้การจัดงาน “จดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง ประจำปี 2563 ครั้งที่ 13” โดยมีคู่บ่าวสาวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ จำนวน 60 คู่ด้วยกัน
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ หน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดพิธีฮาวปลึงจองได หรือพิธีสู่ขวัญ ซึ่งเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของลาวสุรินทร์ (เชื้อสายเขมร) ถือว่าเป็นประเพณีเรียกขวัญให้มาอยู่กับตัว พิธีสู่ขวัญนี้เป็นการแสดงความชื่นชมยินดีให้กับเจ้าของขวัญ จากคณะญาติมิตรและบุคคลทั่วไป และมีด้ายสำคัญผูกข้อมือ (ด้ายผูกแขน) เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของการรับขวัญ และเพื่อความเป็นสิริมงคล
ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดสุรินทร์ภายใต้การจัดงานจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง ประจำปี 2563 ครั้งที่ 13 ในปีนี้ได้จัดงาน ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัวในการจดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อการรับรองสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของตนเอง สร้างความผูกพันทางจิตใจ ส่งเสริมอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นพิธีแต่งงานแบบชนพื้นเมือง 3 วัฒนธรรม นำสู่สากล
นางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุรินทร์ กล่าวว่าพิธีฮาวปลึงจองได หรือพิธีสู่ขวัญของชาวพื้นเมืองสุรินทร์ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก
เจ้าบ่าวแต่งกายด้วยการนุ่งโสร่งไหม เสื้อแขนยาวสีขาว ผ้าไหมพาดบ่า เจ้าสาวนุ่งผ้าซิ่นไหมลายกวย เสื้อแขนกระบอกสีอ่อนพาดด้วยสไบสีแดง ซึ่งในปี 2563 เป็นปีแห่งการครบรอบ 60 ปีงานช้างสุรินทร์ โดยมีคู่บ่าวสาวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ จำนวน 60 คู่ด้วยกัน
เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยง ส่งเสริมภาพลักษณ์อาหารถิ่นของจังหวัดสุรินทร์ (More Gastronomy) ให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษตามแผนตลาดการท่องเที่ยว ปี 2563 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุรินทร์ ตามโครงการ Cool วันธรรมดาน่าเที่ยว @สุรินทร์ – ศรีสะเกษ
📍 www.indyreport.com