ช.ส.ท.​ จับมือ ททท.​ จัดกิจกรรมทัศนศึกษา​ “สุขทันทีที่เที่ยวบุรีรัมย์” เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ นำสื่อมวลชนและนักท่องเที่ยววัยเก๋ากลุ่ม​ ‘Silver Age’ ร่วม 80​ คน​ ลงพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญจังหวัดบุรีรัมย์​

ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) จัดกิจกรรม​ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์​“สุขทันที.. ที่เที่ยวบุรีรัมย์” เมืองปราสาทหิน​ ถิ่นภูเขาไฟ​ โดย​ คุณวรางคณา​ สุเมธวัน​ ประธานชมรมฯ​ นำทัพสื่อมวลชนและนักท่องเที่ยววัยเก๋าร่วม 80 ชีวิต​ ออกเดินทางท่องเที่ยวมุ่งหน้าไปยัง จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 5 – 7 มีนาคม 2568​ ที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ​ และกาคท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย​ สำนักงานบุรีรัมย์

Day​ 1​ : คณะพร้อมกัน​ ณ​ จุดหมาย​ปตท.วิภาวดี​ 06.00 น.​ ออกเดินทางมุ่งสู่ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเดินทางไปยังวัดภูม่านฟ้า อำเภอนางรอง​ “วัดภูม่านฟ้า” หรือ “สำนักสงฆ์พุทธศิลาภูม่านฟ้า” สัมผัสความอลังการ และความสวยงาม ของ วัดแห่งนี้ ถึงแม้จะยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็มีเค้าโครง ของความงดงาม ให้เห็นอยู่มากมาย โดยได้รับแรงบันดาลใจจากอาณาจักรขอมโบราณผสมผสานกับสถาปัตยกรรมพุทธสถานประเทศอินเดีย​ จุดมุ่งหมายคือสืบทอดความศรัทธาที่มีมายาวนานกว่าห้าพันปี​

ในโอกาสนี้ คณะเดินทางชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.)​ จึงร่วมทำบุญถวายปัจจัยเพื่อสมทบทุนสร้างวัดในครั้งนี้ด้วย​ อนุโมทนาสาธุ

“วัดภูม่านฟ้า” ตั้งอยู่ในอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์มีเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ได้รับการอนุญาตให้สร้างวัดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2562 และได้รับการอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดในพุทธศาสนาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564

จากนั้นคณะเดินทางไปรับประทานอาหารมื้อกลางวันที่ร้านขาหมูชื่อดัง​ ณ​ ร้านจิ้งนำ​ ขาหมูนางรอง​ ซึ่งเป็นร้านขาหมูในตำนานของจังหวัดบุรีรัมย์ที่ขายมาจาวนานกว่า​ 50​ ปี​ ที่ใครผ่านมาแถวนี้ มีโอกาสต้องมาลิ้มลองความอร่อยของขาหมูร้านนึ้​ ​

และเดินทางเข้าที่พัก​ ณ​ โรงแรม​ Socool Grand Hotel​ ซึ่งจะเป็นที่พักในคืนนี้เพื่อนำสัมภาระเก็บเข้าที่พักและเตรียมเดินทางไปสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งเมืองปราสาทหิน​ ถิ่นภูเขาไฟในช่วงบ่าย

จากนั้น เดินทางไปชม​ “ปราสาทหินเมืองต่ำ” อำเภอประโคนชัย​ ปราสาทหินเมืองต่ำห่างจากปราสาทหินพนมรุ้งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 8 กิโลเมตร​ เป็นศาสนสถานที่สร้างตามคติความเชื่อทางศาสนาฮินดู​ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะมีลักษณะเป็นศาสนสถานประจำเมืองหรือชุมชน​ ซึ่งเป็นอิทธิพลศิลปะขอมแบบคลัง และบาปวน กำหนดอายุประมาณครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 16 หรือราว 1,000 ปีมาแล้ว

หลังจากนั้นคณะเดินทางต่อยัง “อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง” อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ชม “ปราสาทหินพนมรุ้ง” ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นหนึ่งในปราสาทหินขอมของไทยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดบุรีรัมย์​ และถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์​ ไฮไลท์สำคัญของการมาในครั้งนี้​ คือ​ การชมปรากฏการณ์พระอาทิตย์ตกตรง 15 ช่องประตูปราสาทหินพนมรุ้งซึ่งพระอาทิตย์จะตกเวลาประมาณ 18.05 น. ซึ่งทุกคนก็อดใจรออย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอชมปรากฏการณ์สำคัญในครั้งนี้ ซึ่ง 1 ปีจะมีเพียง 4 ครั้งเท่านั้น​ คือ พระอาทิตย์ขึ้นตรงผ่านช่องประตู 2 ครั้งในช่วงวันที่ 3 – 5 เมษายน และวันที่ 8 – 10 กันยายน ส่วนพระอาทิตย์ตกตรงผ่านช่องประตู 2 ครั้ง ในช่วงวันที่ 5 – 7 มีนาคม และวันที่ 5 – 7 ตุลาคม ของทุกปี​ ต้องขอขอบคุณ​ คุณปฏิพัฒน์ พุ่มพงษ์แพทย์ จากกรมศิลปากร ที่ค้นพบปรากฏการณ์สำคัญนี้

ก่อนเข้าที่พักแวะรับประทานอาหารมื้อค่ำที่​ ร้านข้าวต้ม​ 24​ อีกหนึ่งร้านข้าวต้มของจังหวัดบุรีรัมย์ที่อยากแนะนำ

Day​ 2​ : หลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าและเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแล้ว เดินทางต่อไปยังอำเภอเมืองบุรีรัมย์​ ชมป่องภูเขาไฟ​ วนอุทยานเขากระโดง​ อำเภอเมืองบุรีรัมย์​ ปากปล่องภูเขาไฟกระโดงมีอายุประมาณ​ 300,000 – 900,000 ปี​

ปัจจุบัน มีสภาพเป็นแอ่งน้ำ มีเส้นทางเดินชมรอบปล่อง​ และมีสะพานแขวนให้เดินชมได้จากมุมสูง​ พร้อมสักการะ “พระสุภัทรบพิตร” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์ประดิษฐานบนยอดสูงสุดของเขากระโดง และชมทิวทัศน์ที่สวยงามของตัวเมืองบุรีรัมย์

จากนั้นคณะเดินทางต่อไปยัง​ “ศูนย์อนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทยจังหวัดบุรีรัมย์” แหล่งเรียนรู้ที่สำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์ และเป็นการถ่ายทอดความสำเร็จในด้านการอนุรักษ์ พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย ที่มีความเชื่อมโยงกับวิถีชุมชนและองค์ความรู้ท้องถิ่น​ ที่สอดคล้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม

เดินทางต่อไป​ “ชุมชนบ้านสวายสอ” วิถีชุมชน “คนและนกกระเรียนพันธุ์ไทย” ชุมชนท่องเที่ยวแนวกสิกรรมที่มีความอุดมสมบูรณ์เคียงคู่กับธรรมชาติบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก​ แหล่งอาศัยของนกกระเรียนพันธุ์ไทย​ที่มาของข้าวหอมมะลิอินทรีย์มาตรฐาน GI ในชื่อ​ ​”ข้าวสารัช” รวมถึงการสัมผัสการรับประทานอาหารท้องถิ่นตามสไตล์​ ​“เถียงนาเชฟเทเบิ้ล” “นาเฮา ข้าวนกกระเรียน” แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในชุมชนบ้านสวายสอ ลิ้มลองอาหารเมนูพื้นบ้าน​ จากแม่ครัวของชุมชนโดยใช้วัตถุดิบในพื้นที่และกินบนเถียงนา​ ซึ่งเป็นมื้ออาหารกลางวันที่แสนอร่อยและประทับใจอีกหนึ่งมืัอ​ ที่กินแล้วสบายใจ​ อาหารปลอดสารและปลอดภัย​

ชุมชนบ้านสวายสอหมู่บ้านสวายสอ เป็นหมู่บ้านอินทรีย์ (Organic Village) ของบุรีรัมย์ มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ป่าไม้ ห้วย หนอง คลอง บึง สัตว์น้อยใหญ่ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของ “นกกระเรียนพันธุ์ไทย” หรือชาวบ้านเรียกว่า “นกเขียน”

หมู่บ้านนี้เป็นหนึ่งในเครือข่ายเกษตรอินทรีย์กับการอนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทย โดยปล่อยให้นกกระเรียนเข้ามาอาศัยอยู่กินในพื้นที่การเกษตร ถือเป็นดัชนีวัดความปลอดภัยของพืชพันธุ์ในพื้นที่ เนื่องจากนกกระเรียนจะอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีสารเคมีเท่านั้น เมื่อนกกระเรียนอยู่ได้ คนกินข้าวก็อยู่ได้ และยังสร้างรายได้จากสินค้าปลอดภัยและการท่องเที่ยวให้ชาวบ้านได้อีกทาง คน สัตว์ และพืชพันธุ์ อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

ที่นี่..เขามีบ้านพักโฮมสเตย์และมีรถรับส่งพามากินข้าวที่เถียงนา “สไตล์​เถียงนาเชฟเทเบิ้ล” ด้วยนะ​ สนใจโทรถามได้ที่ 085494 3250

ความอิ่มอร่อยยังไม่สิ้นสุด​ คณะเดินทางกลับสู่ตัวเมืองบุรีรัมย์อีกครั้ง​พร้อมกับสายฝนที่กำลังโปรยปราย​ เพื่อมุ่งไปยัง “สถานีรถไฟบุรีรัมย์” ซึ่งเป็นสถานีหนึ่งของการรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2468 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองของจังหวัดบุรีรัมย์​ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังมีผู้คนมากมายที่เดินทางโดยรถไฟไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวบ้านในท้องถิ่น​ ฯลฯ​ ที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ​ ทั้งในจังหวัดบุรีรัมย์และต่างจังหวัด

และอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ​ “ลูกชิ้นยืนกิน” เป็นกิจกรรมที่นำเอกลักษณ์และวัฒนธรรมการกิน “ลูกชิ้น” ของชาวบุรีรัมย์ ณ บริเวณหลังสถานีรถไฟซึ่งมีมานานกว่า 50 ปีมาส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีการรวบรวมร้านลูกชิ้นร้านเก่าแก่จากหลังสถานีรถไฟหลากหลายล้านมารวมกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้มาร่วมรับประทานและซื้อเป็นของฝาก​ ซึ่งครั้งหนึ่ง น้องลิซ่า​ ศิลปินระดับโลกชื่อดังของไทย​ ก็เคยมายืนกินลูกชิ้นที่นี่​ ปลุกกระแส ของลูกชิ้นยืนกินให้โด่งดังไปทั่วจนเป็นที่รู้จัก

จากนั้นเดินทางไปสักการ​ะ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 อำเภอเมืองบุรีรัมย์พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญในจังหวัดบุรีรัมย์สร้างเมื่อพ.ศ 2539 เพื่อเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 1 ประถมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีผู้ทรงก่อตั้งเมืองบุรีรัมย์เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก ปัจจุบันได้มีการสร้างฉัตร 9 ชั้นจำนวน 360 ต้นรอบพระบรมราชานุสาวรีย์เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงในพระมหากรุณาธิคุณ

เดินทางข้าที่พัก ณ​ Play La Ploen Boutique​ Resort and​ Adventure​ Camp พร้อมรับประทานอาหาร มื้อค่ำและร่วมงานเลี้ยงต้อนรับจาก ททท.สำนักงานบุรีรัมย์ ททท.ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย​คุณสมฤดี จิตรจง อดีตรองผู้ว่าฯ ททท. ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของที่นี่ ให้การต้อนรับ​คณะ​ฯ พร้อมด้วยคุณอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย( ททท.), คุณศิวฤทธิ์ ศรีบุญเรือง ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานบุรีรัมย์, คุณภูวดล เลาะฟอ การตลาด ททท.สำนักงานบุรีรัมย์, โดย​มีคุณประณัย สายชมภู กรรมการผู้จัดการ เพ ลา เพลิน​ และคุณยุวธิดา ผลจันทร์ Personal Asst.President เพ ลา เพลิน​ ร่วมดูแลและอำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิด​ รวมถึงในกิจกรรมต่างๆ​ ของเพ​ลาเพลิน​ในวันรุ่งขึ้นอีกด้วย

Day​ 3​ :​ เพ​ ลา​ เพลิน​ คณะนั่งรถรางชม อุทยานเรียนรู้เพลาเพลิน อุทยานดอกไม้ ชมศูนย์สุขภาพและกิจกรรม workshop ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน​ ณ​ เพลาเพลิน

เพ​ ลา​ เพลิน​ จังหวัดบุรีรัมย์​ ตั้งอยู่ที่อำเภอคูเมือง​ จังหวัดบุรีรัมย์​ เป็นสถานที่พัฒนาผู้เรียน นอกห้องเรียน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้บนพื้นที่กว่า 400 ไร่ เริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนมกราคม 2556 ภายใต้แนวคิด​ “เที่ยว อย่างมีความสุข สนุกกับการเรียนรู้” โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มเยาวชนนักเรียนนักศึกษาเป็นเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และทักษะให้กว้างไกล มีกิจกรรมผจญภัยที่สนุกสนาน ปลอดภัย เพื่อฝึกทักษะการทำงานเป็นทีม ความเป็นผู้นำและความคิดริเริ่ม ฯลฯ​ รวมถึงมีการให้บริการทางภาคการท่องเที่ยวพักผ่อนที่ครอบคลุมเป้าหมายที่เป็นครอบครัว​บุคคลทั่วไปที่สนใจการท่องเที่ยวพักผ่อน​ รวมไปถึงกลุ่มหน่วยงานและองค์กรที่สนใจจัดประชุมสัมมนา​ โดยมีห้องประชุม​ และห้องพักที่ทันสมัยให้ความสะดวกสบายไว้บริการอย่างครบถ้วน

โดยแบ่งเป็นโซนต่างๆ​ อาทิ​ โซนที่พักห้องประชุมสัมมนาและกิจกรรม Adventure ศูนย์นิทรรศการ และมีทำกิจกรรม workshop ให้กับเด็กหรือผู้ที่สนใจได้เรียนรู้สามารถฝึกเป็นอาชีพได้​ เช่น​ ผ้ามัดย้อม ก้อนดินของพ่อ​ สวนถาด​ สบู่​ เพลินวารีสปา​ การทำสปาแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน​ และสมุนไพรไทย มี​แหล่งช้อปปิ้ง “จอยส์​ ชัอปปิ้ง​ ​เพลส” แหล่งช้อปปิ้งที่รวมความนำสมัยในรูปแบบความเป็นวัฒนธรรมอีสานใต้​ และรวมสิ่งของการทำและผลิตจากชาวบ้าน​ รวมถึงของพื้นถิ่น​ เพื่อเพิ่มมูลค่าด้วยเอกลักษณ์สีสันที่ทันสมัย ผ้าไทย​ ผ้าถิ่นของบุรีรัมย์​ พร้อมอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการ

นอกจากนี้เพลาเพลินยังมี อาคารด้วยรักและภักดี และอุทยานไม้ดอก​ เพ​ ลา​ เพลิน (FLORA) ในส่วนของอาคารด้วยรักและภักดี​ โดยเริ่มชมจากโถงทางเข้าที่มีภาพเขียนสีน้ำมันพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​ ขนาดใหญ่​ ชมนิทรรศการแนะนำของเพลาเพลิน ณ​ จุดนี้ คณะได้ทำกิจกรรมทำยาดมกลิ่นลาเวนเดอร์กันอีกด้วย หลังจากเพลิดเพลินกับการชมชมอุทยานไม้ดอก​ เพลาเพลิน​ ในพื้นที่มากกว่า 100 ไร่ นับเป็นอุทยานไม้ดอกแห่งแรกและแห่งเดียวในดินแดนอีสานใต้แดงพันธุ์ไม้ในหมู่อาคาร 6 โรงเรือนอาคารที่จัดแสดงและภูมิทัศน์โดยรอบจัดในรูปแบบเอกลักษณ์อีสานใต้ซึ่งถือว่าเป็นแห่งแรกของประเทศไทย

จากนั้นจึงนั่งรถรางไปอาคารรักพ่อพอเพียง Arokaya Herbs Wellness Sala มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพจัดจำหน่ายที่นี่เป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรมและถ่ายทอดเรื่องราวศาสตร์พระราชาทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ด้านในจัดนิทรรศการ “พระอัจฉริยภาพทั้ง 9 ประการของในหลวงรัชกาลที่ 9” มีการแสดงสมุนไพรไทยเพื่อการใช้งานในรูปแบบต่างๆ

จากนั่นนั่งรถรางไปชมสถานที่ผลิตสุราแช่พื้นเมือง หรือ​สาโทที่หลายคนรู้จัก ที่นี่นอกจากคณะจะได้ความรู้จากวิทยากรในการผลิตแล้ว ยังได้ชิมรสชาติของสาโทกัน หากใครสนใจก็สามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากได้​อีกด้วย​ ก่อนปิดท้ายด้วยการแวะข้อปปิ้ง​ที่​ “จอยส์​ ชัอปปิ้ง​ ​เพลส” แหล่งช้อปปิ้งที่ถูกใจใครหลายคน

 

ก่อนเดินทางกลับ​ คณะเดินทางต่อไปยังอำเภอพิมาย​จังหวัดนครราชสีมา​ แวะชม​ “อุทยานประวัติศาสตร์หินพิมาย” ซึ่งเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนานิกายมหายานที่มีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยมีอายุราว 1,000 ปีมาแล้ว เป็นปราสาทหินทรายสีขาวเทาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของประเทศไทยภายใต้การดูแลของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เป็นปราสาทหินทรงขอมโบราณแบบบาปวน ตั้งอยู่ในอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วยปราสาทหินในสมัยอาณาจักรขอมที่ใหญ่โตและงดงาม สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อใช้เป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์ และเปลี่ยนเป็นพุทธศาสนานิกายมหายานในเวลาต่อมา​ และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในอำเภอพิมาย และจังหวัดนครราชสีมา

คุณวรางคณา​ สุเมธวัน​ ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการทีองเที่ยว​ (ช.ส.ท.)​ กล่าวว่า​ ” การเดินทางทริป​” สุขทันที ที่เที่ยวบุรีรัมย์” ของเรา เรากำลังอยู่ที่ปราสาทหินพิมาย​ ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา​ จากวันที่   5 – 7 มีนาคม​ ​รวมสามวัน เราได้สั่งสมประสบการณ์และเก็บสิ่งละอันพันละน้อยจากการเดินทาง เพื่อนำไปเผยแพร่เป็นประโยชน์แก่การท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ในจังหวัดบุรีรัมย์และภาคอีสานในพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งคุณค่า​ มีทรัพยากรการท่องเที่ยวมากมาย​ ที่จะให้พวกเรานำไปเผยแพร่​ สิ่งที่เราได้พบอยากจะบอกว่าเป็นอันซีนของการท่องเที่ยวจริงๆ​ ไม่ว่าจะเป็นการไปชมพระอาทิตย์ตก​ 15​ ช่องประตู​ ที่ปราสาทหินพนมรุ้ง​ ปราสาทเมืองต่ำ​ ปราสาทหินพิมาย​ และปราสาทหินอื่นๆ​ แม้จะเป็นสถานที่เก่าแก่ที่ทุกคนคงเคยไปเยี่ยมชมแล้ว​

แต่วันนี้ได้กลับมาดูว่ากรมศิลปกรได้ดูแลรักษาเป็นอย่างดี​ เมื่อไปมองเทียบกับของประเทศอื่นๆ ต้องภูมิใจว่าของเราเป็นหนึ่งในโลกเหมือนกัน ไม่ด้อยในเรื่องศิลปะความงามและความอลังการ

ขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยที่ผ่านมาทางภาคอีสานนี้ได้แวะเวียนมาเยี่ยมชมและมาชื่นชมกับความยิ่งใหญ่ของสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองไทยกันคะ” คุณวรางคณา​ ประธานชมรมฯ ช... กล่าวทิ้งท้าย

…………………………………………

www.indyreport.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *