วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13:30 น. นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการในการแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยวอำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอปาย ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พล.ต.ต.ทรงกริช ออนตะไคร้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายณพล พาหุมันโต นายอำเภอปาย พ.ต.อ.สำเร็จ สามสีทอง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรปาย ว่าที่ร้อยตรีภาณุวัฒน์ ขัดนาค ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน พ.ต.ท.สุวิทย์ บุญยะเพ็ญ สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน (สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.2) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับผลการประชุมหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการพร้อมกำกับดูแลความเรียบร้อยอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ซึ่งเน้นการบังคับใช้กฎหมายพร้อมตรวจตรา ติดตามสถานการณ์โดยพบว่ากิจกรรมการท่องเที่ยวยังคงดำเนินการตามปกติ และยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และไม่ได้พฤติกรรมส่งผลกระทบเชิงลบต่อชุมชนแล้ว เช่น ผลกระทบด้านเสียงของสถานประกอบการ การขนส่งนักท่องเที่ยว การทำกิจกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว ปัญหาการสูบกัญชา ซึ่งพบว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวดีขึ้น ซึ่งแต่ละหน่วยงานได้บูรณาการการดำเนินงานด้วยความเรียบร้อย พร้อมทั้งประสานงานเครือข่ายในการช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละด้านมีมาตรการควบคุมดูแลและรายงานผลให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทราบเป็นระยะ ในที่ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เน้นย้ำการดูแลความสงบสุขเรียบร้อย การดำเนินการกำกับดูแลให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย รวมทั้งดูแลความปลอดภัย โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชุมชน
ภายหลังการประชุม เวลา 14.00 น. ได้มีตัวแทนของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและชาวอำเภอปายจำนวนประมาณ 15 คน ได้มาพบผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนพร้อมยื่นหนังสือร้องเรียนให้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อเอาผิดกับบุคคลที่นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จลงสื่อโซเชียลมีเดียตลอดจนกลุ่มคนที่แชร์ และตอบคอมเม้นในลักษณะบิดเบือนข้อมูลก่อให้เกิดเสียหายให้กับอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้คนทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าชาวปายไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล หรืออิสราเอลจะมายึดเมืองปาย ทางกลุ่มได้รวบรวมผู้เสียหายและมีการร่วมลงชื่อกว่า 100 คน เป็นตัวแทนของผู้ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งทำให้สังคมเกิดความแตกแยกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ภายหลังจากรับเรื่องร้องเรียนนายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ตอบข้อซักถาม ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกระแสข่าวการไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล หรือกรณีโบสถ์ยิวในพื้นที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่า ”ชาบัดเฮ้าส์“ เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อทางศาสนา ซึ่งดำเนินการภายใต้กฎหมาย และไม่ได้เป็นสถานที่ที่ชาวอิสราเอลจะมายึดครองพื้นที่ตามที่เป็นข่าว โดยข่าวที่นำเสนอมีความคลาดเคลื่อนไม่ตรงตามความเป็นจริง ซึ่งหน่วยงานราชการจะดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้ประชาชนมีความเข้าใจตามข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและสร้างความเชื่อมั่นเป็นระยะ และขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง โดยอำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังคงเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวสำคัญและยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน สำหรับกรณีปัญหาต่าง ๆ ได้ดำเนินการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมมีการติดตามอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ส่วนการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มีความคลาดเคลื่อนก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความตื่นตระหนก หรือความไม่มั่นใจนั้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบถึงสาเหตุ ว่าเกิดจากความเข้าใจผิดหรือความจงใจ โดยต้องดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมกับมีมาตรการสร้างความเชื่อมั่นที่ชัดเจน
ด้าน พล.ต.ต.ทรงกริช ออนตะไคร้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ได้มีการมอบหมายจัดกำลังพล ประมาณ 200 นาย ดำเนินการดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่และจุดสำคัญ และไม่มีสิ่งผิดปกติ ตามที่เป็นข่าว แต่ยังคงดำเนินการตรวจตราดูแลความสงบเรียบร้อยตามปกติต่อไป
ว่าที่ร้อยตรีภาณุวัฒน์ ขัดนาค ผู้อำนวยการสำนัก ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ การท่องเที่ยวพบว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีการขยายตัวของนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีการประมาณการนักท่องเที่ยวเข้าสู่จังหวัดประมาณ 1.4 ล้านคน มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวไทยประมาณ 70% ชาวต่างชาติประมาณ 30% มีรายได้ประมาณ 7.5 พันล้านบาท ซึ่งมาจากชาวไทยประมาณ 60% และชาวต่างชาติประมาณ 40% อำเภอปายมีนักท่องเที่ยวจากหลากหลายเกือบทุกชาติ และนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล อยู่ใน 5 ลำดับแรกของจำนวนนักท่องเที่ยวโดยเมืองปายเปรียบเหมือนกับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มีความหลากหลายของนักท่องเที่ยว แต่ยังไม่ได้รับผลกระทบด้านการท่องเที่ยว แต่บางส่วนมีการสะท้อนเรื่องการได้รับผลกระทบด้านความเชื่อมั่นและชื่อเสียงของอำเภอปายจากกระแสสื่อโซเชียลที่เกิดขึ้น ซึ่งอำเภอปายยังน่าท่องเที่ยวอยู่และสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี มีทั้งแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมการท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวยังคงได้รับความสุขความประทับใจ มีการเดินทางมาพำนักในระยะยาว และท่องเที่ยวแบบ Workation ในกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบ Digital Nomad สำหรับกรณีการนำเสนอข่าวต่างๆ ขอให้ทุกท่านได้พิจารณาตรวจสอบอย่าหลงเชื่อ Fakenews และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ
ภายหลังการสัมภาษณ์ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน ได้มีประชาชนส่วนหนึ่งมาร่วมสบทบในการยื่นหนังสือร้องเรียนเพิ่มเติม และกล่าวว่าตนก็เป็นผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าวด้วยและเป็นผู้เสียหายจากการถูกคอมเม้นท์ก่อให้เกิดความเสียหายจากฝ่ายที่โพสหรือปล่อยข้อมูลคลาดเคลื่อนโดยจะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้นำเข้าข้อมูลที่คลาดเคลื่อนทำให้เกิดการบิดเบือนข้อมูลดังกล่าวต่อไป
ข้อมูล และรูปภาพ สามารถเผยแพร่ได้โดยไม่ติดลิขสิทธิ์
…………….…………………..………..
www.indyreport.com