🔴 อาร์ซี ไทวัสดุ สร้างแรงบันดาลใจคนไทยรักบ้านเกิด จากโครงการ​ “รวมหัวใจให้บ้านเกิด” ปีที่ 5​ เดินต่อโครงสร้างสุขภาพให้คนในชุมชนกว่า 9,000 ชีวิต

การขาดแคลนอุปกรณ์ด้านการแพทย์นับเป็นหนึ่งอุปสรรคในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน เพราะการมีสุขภาพที่ดีเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานของความเจริญทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคม ดังนั้นการมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เพียงพอกับความต้องการของคนในท้องถิ่น จึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่จะพัฒนาศักยภาพของสถานพยาบาลให้สามารถรับมือกับปัญหาสุขภาพของประชาชนในชุมชนท้องถิ่นได้ในเบื้องต้น

บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด  ดำเนินธุรกิจด้วยหลักการสร้างความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนและสังคม ซึ่งเป็นนโยบายที่กลุ่มบริษัทในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน มุ่งมั่นผลักดันอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยหนึ่งในโครงการที่เป็นไฮไลต์ก็คือ “รวมหัวใจให้บ้านเกิด” Loving Hometown ที่ส่งเสริมให้พนักงานไทวัสดุได้มีโอกาสในการร่วมพัฒนาชุมชนภูมิลำเนาของตัวเองและส่งต่อความภาคภูมิใจ โดยโครงการฯ ดังกล่าวไทวัสดุได้มีการดำเนินงานและพัฒนามาเป็นปีที่ 5 แล้ว ซึ่งในปีนี้ได้มุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนในตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ให้ดียิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา

ความขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์กับเดิมพันชีวิตของคนในชุมชน

นายอัครา ปวนสิงห์ ผู้จัดการไทวัสดุ สาขาน่าน ผู้เสนอโครงการพัฒนารพ.สต.แม่อ้อ และได้รับคัดเลือกในปีนี้ จากทั้งหมด 37 โครงการที่พนักงานได้ร่วมส่งเข้ามา เล่าให้ฟังถึงที่มาในการนำเสนอโครงการว่า เป็นคนตำบลแม่อ้อตั้งแต่เกิด ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรม สภาพความเป็นอยู่ของชุมชน แม้ว่าปัจจุบันจะดีขึ้นกว่าในอดีต แต่ในด้านสาธารณสุขยังไม่ดีเท่าที่ควร เพราะรพ.สต.แม่อ้อ ที่เป็นสถานพยาบาลในตำบลนั้น ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในการดูแลรักษาชาวบ้านในพื้นที่ ที่มีจำนวนประชากรมากกว่า 9,000 คน จาก 20 หมู่บ้าน ที่เดินทางมารักษาที่ รพ.สต.แห่งนี้ และด้วยระยะทางที่ไกลจาก โรงพยาบาลพาน ประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร จึงทำให้ทางรพ.สต.ต้องรับผู้ป่วยจำนวนมากต่อวัน ซึ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์มีไม่เพียงพอต่อการรักษาในแต่ละวัน  ตนเองจึงปรารถนาเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านสาธารณสุขเพื่อให้คนในชุมชนตำบลแม่อ้อ ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“เหตุการณ์ที่ผมจำได้ไม่มีวันลืมเลย คือ เมื่อครั้งที่คุณลุงของผมป่วยด้วยโรคชรา และหมอให้ออกจากโรงพยาบาลเพื่อมารักษาตัวต่อที่บ้านและจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ทางครอบครัวไม่มีทุนทรัพย์ จึงได้ไปขอยืมเครื่องผลิตออกซิเจน จากรพ.สต.แม่อ้อ ซึ่งมีเพียงเครื่องเดียวและขณะนั้นก็มีผู้ป่วยใช้อยู่ ผมจึงต้องประกาศขอยืมจากชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียงผ่านเฟสบุ้คของตำบล โชคดีที่มีชาวบ้านท่านหนึ่งให้ยืมเครื่องผลิตออกซิเจนที่มีอยู่ ผมจึงได้ยืมเครื่องมาใช้ต่อลมหายใจของคุณลุงจนช่วยชีวิตท่านไว้ได้” นายอัคราเล่าถึงประสบการณ์ที่เคยได้รับผลกระทบโดยตรง

ไทวัสดุรวมใจเร่งรุดพัฒนาสถานพยาบาลเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

    หลังจากการนำเสนอโครงการพัฒนารพ.สต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นโครงการ “รวมหัวใจให้บ้านเกิด” ปีที่ 5 แล้ว ทางทีมงานได้ลงไปสำรวจพื้นที่ พบว่ารพ.สต.แห่งนี้ ให้บริการแก่ประชาชนกว่า 9,346 คน จาก 3,646 หลังคาเรือน ในแต่ละวันจะมีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ อีกทั้งทางโรงพยาบาลยังขาดห้องปลอดเชื้อสำหรับทำความสะอาดเครื่องมือแพทย์ เนื่องจากห้องปลอดเชื้อเดิม เป็นห้องที่ดัดแปลงมาจากห้องทั่วไป ไม่ได้เกณฑ์มาตรฐาน ทางโครงการรวมหัวใจให้บ้านเกิด จึงได้จัดงบประมาณมากกว่า 4 แสนบาท ที่มาจากการบริจาคหัวใจการทำความดีของพนักงานและผู้บริหาร ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ร่วมกันมอบเครื่อง PC-100 จำนวน 1 เครื่อง เครื่องผลิตออกซิเจน จำนวน 2 เครื่อง และสร้างห้องปลอดเชื้อใหม่ที่ถูกสุขอนามัย เพื่อยกระดับคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยได้มีพิธีส่งมอบเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ซึ่งได้รับเกียรติจาก นางทรงศรี คมขำ รองนายกอบจ.เชียงราย เป็นประธานรับมอบจากนางอัมพร ปัญญาดิลก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล นางสาวชุติพร คงเจริญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด ซีอาร์ซี ไทวัสดุ และผู้บริหารหน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ร่วมเป็นสักขีพยาน

    นายสำราญ ศิริ ผู้อำนวยการ รพ.สต.แม่อ้อ กล่าวถึงกิจกรรมของโครงการ “รวมหัวใจให้บ้านเกิด” ว่าการมีเครื่องผลิตออกซิเจน และห้องปลอดเชื้อใหม่นี้จะช่วยแบ่งเบาภาระของเจ้าหน้าที่ สามารถต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วยในชุมชน เพิ่มความสะดวกในการรักษาได้เป็นอย่างมาก ทำให้โรงพยาบาลของเรามีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลคนในชุมชนได้ ในนามของรพ.สต.แม่อ้อ ขอขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจของทางบริษัทที่เล็งเห็นความสำคัญความสำคัญด้านสุขภาพของคนในชุมชนแห่งนี้ และรู้สึกประทับใจที่บริษัทได้มีโครงการดีๆแบบนี้ เปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ พัฒนาและยกระดับชุมชนบ้านเกิดของตัวเอง

    “ผมขอขอบคุณผู้บริหาร ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ที่ได้อนุมัติโครงการพัฒนารพ.สต.แม่อ้อ และขอบคุณเพื่อนพนักงานทุกคนที่ได้ร่วมกันบริจาคหัวใจเพื่อโครงการนี้” นายอัครากล่าวทิ้งท้ายด้วยความตื้นตัน

ไทวัสดุกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม

นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า โครงการ “รวมหัวใจให้บ้านเกิด” (Loving Hometown) เป็นการสร้างโอกาสให้พนักงานไทวัสดุได้มีส่วนร่วมพัฒนาสังคม สร้างความภาคภูมิใจให้พนักงานที่ได้กลับไปพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชนภูมิลำเนาของตัวเอง โดยทางบริษัทฯ ดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 แล้ว ด้วยผลสำเร็จที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไทวัสดุได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาภูมิลำเนา โรงเรียนชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในจังหวัดต่างๆ

“ซีอาร์ซี ไทวัสดุ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่ควบคู่ไปพร้อมกับความรับผิดชอบในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ไทวัสดุ ได้ขยายสาขาไปทั่วประเทศ เราได้มีส่วนร่วมสนับสนุนพัฒนาชุมชนในทุกพื้นที่ทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายการพัฒนาสู่ความยั่งยืนมาโดยตลอด ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญที่นำองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนและอยู่เคียงข้างชุมชนในสังคมให้เติบโตไปด้วยกัน”

โครงการรวมหัวใจให้บ้านเกิด ดำเนินงานภายใต้บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ได้เล็งเห็นความสำคัญในการร่วมมือกันระหว่างพนักงานและองค์กร เพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสตอบแทนสังคมและชุมชนภูมิลำเนาของตนเอง ซึ่งโครงการดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปัจจุบัน ได้มีการบริจาคที่ได้รวบรวมมาจากพนักงานและผู้บริหารไทวัสดุในการปรับปรุงโรงเรียน และโรงพยาบาลท้องถิ่นไปแล้ว รวมมูลค่ากว่า 1,800,000 บาท ซี่งทางไทวัสดุยังคงสานต่อโครงการและทำต่อเนื่องเพื่อสาธารณะประโยชน์และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนให้ดีที่สุด

เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,648 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ / บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (2) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และมินิ โก (go!) (3) กลุ่มแฟชั่นซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่ สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม (5) กลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี โดย ณ 30 กันยายน 2566 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 59 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 41 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566)

.……………………………………..…..…..

📍www.indyreport.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *