🔴 ETDA โชว์ผลงานรอบปี ‘ส่งเสริม-กำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัล’ เพื่อคนไทย “ชูปี 67 เข้มข้นกับบทบาท Co-Creation Regulator พร้อมติดสปีดไทย พิชิต 30:30”

กรุงเทพฯ 22 กันยายน 2566 – สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) ยกทัพผู้บริหารจัดใหญ่!“TIME TO CHANGE 13 ปี ETDA #ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล โชว์ผลงานเด่นรอบปี 2566 กับภารกิจครั้งสำคัญ พาคนไทยเปลี่ยนสู่ชีวิตดิจิทัลที่ดี มั่นใจ ปลอดภัยขึ้น ไปกับการขับเคลื่อนงานสุดไฮไลท์ รับความท้าทายปีที่ 13 ทั้งหนุนธุรกรรมออนไลน์ที่น่าเชื่อถือด้วยการขยายผลการให้บริการที่นำ Digital ID ไปใช้ – เดินหน้า Service Governance กำกับดูแลบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลและการประยุกต์ใช้ AI Governance Guideline ในระดับองค์กร – ดันทุกภาคส่วนพร้อมรองรับ Digital Adoption & Transformation – เสริมทักษะคนไทยก้าวสู่ Digital Workforce อย่างรู้เท่าทัน และป้องกันตัวเองพร้อมรับมือจากภัยออนไลน์ พร้อมเปิด Future Vision ปี 2567 เผยก้าวต่อไปของ ETDA ติดเทอร์โบผ่าน 4 งานที่ต้องการเน้นย้ำ “Digital ID – Digital Platform Services – AI Governance – Digital Adoption & Transformation” เตรียมเพิ่มความเข้มข้นบทบาท Co-Creation Regulator ที่พร้อมให้คำปรึกษาและยืนหนึ่งการเป็น Change Agent ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่จะพาคนไทย #ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล รับเป้าหมายใหญ่! ประเทศต้องพิชิตเส้นชัย 30:30 ให้ได้ภายในปี 2570 ณ ห้องประชุม Walk the Talk ชั้น 15 ของ ETDA 

ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA เปิดเผยว่า การเป็นองค์กรที่ร่วมสร้างสังคมดิจิทัล เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ คือวิสัยทัศน์ที่ ETDA เดินหน้ามาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมายใหญ่สุดท้าทาย 30:30 ที่เปรียบเสมือนเป้าหมายที่ต้องเดินไปให้ถึงเส้นชัย ภายในปี 2570 นี้ ทั้งการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจดิจิทัลต่อ GDP 30% และยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลของประเทศอยู่ใน 30 อันดับแรกของโลก วันนี้ ETDA กำลังเดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 13 ถ้าเปรียบเป็นคน ก็กำลังเข้าสู่วัยรุ่นที่มีไฟ เป็นวัยพร้อมพบกับความท้าทาย เติบโตและรองรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น เพื่อพาคนไทยก้าวสู่ชีวิตดิจิทัลที่มั่นใจปลอดภัยยิ่งขึ้น รอบปีที่ผ่านมา 2566 เราจึงได้เดินหน้าดำเนินงานในหลายเรื่อง โดยครอบคลุมใน 4 มิติ ดังนี้ 

Digital Infrastructure & Ecosystem เร่งเครื่องธุรกรรมออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ – ด้วย Digital ID ผ่านบทบาท Co-Creation Regulator อย่างเต็มตัวกับการทำหน้าที่ในการส่งเสริมผนวกกับการกำกับดูแลธุรกิจบริการ Digital ID หรือ IdPs ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ด้วยกลไกการดำเนินงานภายใต้กฎหมาย Digital ID ที่บังคับใช้แล้ว โดยได้เปิดให้ IdPs มายื่นขอประเมินเพื่อรับใบอนุญาต ที่ล่าสุดมี IdPs เอกชนที่ยื่นขอรับการประเมินกับ ETDA แล้ว 21 ราย และเปิด Pre-Consult สำหรับผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจบริการนี้ด้วย ไปพร้อมๆ กับการจัดทำกฎหมายลำดับรองให้การปฏิบัติตามกฎหมายชัดเจนขึ้น มีมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวกับการใช้งาน Digital ID ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละธุรกรรมออนไลน์ให้ทุกภาคส่วนได้เลือกใช้งาน ให้คำปรึกษาในการพัฒนาระบบบริการ ให้กับผู้ให้บริการ อย่าง ThaID หมอพร้อม เป๋าตังค์ และ NDID พร้อมขยายผลการใช้งานร่วมกับพาร์ทเนอร์ อย่าง DOPA เพื่อพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลด้วยใบหน้า ร่วมผลักดันให้เกิดโมเดลการใช้งาน Digital ID สำหรับการทำธุรกรรมของนิติบุคคลร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันคนไทยใช้งาน Digital ID เพิ่มขึ้นแล้ว 7,300,000 คน ผ่านแอปฯ ThaiD (ไทยดี) แล้ว 6,021,096 คน แอปฯ Mobile ID มากกว่า 85,000 คน และแอปฯ เป๋าตัง มากกว่า 1.2 ล้านคน 

Digital Service Governance ลดความเสี่ยง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน- เป็นสิ่งที่ ETDA ได้เปิดตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมากับศูนย์ ETDA Foresight ที่ปีนี้ได้มีความร่วมือกับพาร์ทเนอร์ทั้งรัฐและเอกชน จนได้มีผลการคาดการณ์ทั้งในด้านการท่องเที่ยวไทย จนไปถึงเรื่อง Mental Health ในขณะเดียวกันก็มีสแกนหาสัญญาณอนาคตอย่างต่อเนื่องในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการทำธุรกรรมทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นในด้าน Digital ID, AI และ Digital Transformation เป็นต้น ที่ได้มีการนำเสนอประเด็นที่น่าสนใจผ่านงาน ETDA Foresight Symposium 2023 ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมๆ กับการกำหนดทิศทางการดำเนินงาน ที่มีการเพิ่มความเข้มข้นของการกำกับดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ภายใต้กฎหมาย DPS หรือ Digital Platform Services ที่บังคับใช้แล้วและเปิดระบบให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่เร็วๆ นี้ คือ 18 พ.ย. 66 จะครบกำหนดในการเข้ามาแจ้งกับ ETDA สำหรับบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ทั้งกรณีบุคคลธรรมดา มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท หรือ กรณีนิติบุคคลมีรายได้เกิน 50 ล้านบาท หรือ มีผู้ใช้งานเกิน 5,000 ราย  ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษตามกฎหมาย พร้อมๆ กับการเปิดระบบ Digital Platform Assessment Tool ให้แพลตฟอร์มที่ไม่มั่นใจว่าเข้าข่ายต้องแจ้งหรือไม่ ได้มาประเมินคุณสมบัติด้วยตนเองแบบง่ายๆ ที่สำคัญรู้ผลทันทีภายใน 5 นาที ล่าสุด มีแพลตฟอร์มทำประเมินนี้แล้ว 467 รายนอกจากนี้ ยังมีระบบ Pre-consult ให้คำปรึกษา สำหรับการเตรียมข้อมูลเพื่อแจ้งเข้าระบบต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการออก Best practice หรือแนวปฏิบัติที่ดี ผ่านกฎหมายลำดับรอง 9 ฉบับ ที่ครอบคลุมทั้ง การคุ้มครองเยียวยาผู้ใช้บริการ เงื่อนไขการให้บริการ การจัด ranking วิธีการลงทะเบียน  ช่องทางการให้ความช่วยเหลือ การจัดการเรื่องร้องเรียนและการระงับข้อพิพาท ฯลฯ และยังส่งเสริมให้หน่วยงานในอุตสาหกรรมสำคัญ ที่เริ่มต้นกับกลุ่ม Healthcare เพื่อเกิดการใช้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI อย่างมีธรรมาภิบาล ผ่านการดำเนินงานของศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ หรือศูนย์ AIGC (AI Governance Clinic by ETDA) ที่คอยให้คำปรึกษาโดยทีมจากศูนย์ AIGC และ Expert Fellowship ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยในปีนี้ได้มีการออก AI Governance Guideline for Executives เพื่อเป็นกรอบการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีธรรมาภิบาลเป็นครั้งแรกของประเทศ โดยได้มีหน่วยงานทางด้าน Healthcare ให้ความสนใจ สู่การจัด Workshop ระดับหน่วยงานร่วมกัน มีการเพิ่มความรู้ ความเข้าใจในระดับนโยบายผ่านหลักสูตร AI Governance Program (AiX) รุ่นที่ 1 สำหรับอุตสาหกรรม Healthcare ที่เตรียมขยายในปีต่อไป และยังมีการปล่อยผลสำรวจ AI Readiness Measurement 2023 ที่ได้ช่วยสะท้อนความพร้อมด้านการประยุกต์ใช้ AI ของหน่วยงานไทย ให้ทุกภาคส่วนนำไปเป็นฐานข้อมูลเพื่อกำหนดนโยบายและวางกลยุทธ์ได้อย่างตรงจุด

Digital Adoption & Transformation คนไทยทุกภาคส่วน พร้อมเปลี่ยน สู่โอกาสใหม่- ETDA ได้นำความรู้ ประสบการณ์ทั้งจาก ETDA และพาร์เนอร์ เพื่อสร้างโอกาสในทางธุรกิจ และองค์กรที่ต้องการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปลดกระบวนการ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจอย่างสอดคล้องกับกฎหมาย มาตรฐาน หรือมาตรการที่เกี่ยวข้อง  โดยปัจจุบัน ETDA มี ETDA Sandbox หรือ สนามทดสอบนวัตกรรมหรือบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันมี 2 ส่วน ได้แก่ Digital Service Sandbox เน้นทดสอบบริการในประเภทที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผ่านมาจะมีทั้ง e-Document, e-Signature และ Digital ID โดยในปี 66 ส่วนที่เปิดคือ ให้ทดสอบ e-Timestamp หรือ การประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ โดยในปัจจุบันได้มีบริการเข้ามาทดสอบสะสมอยู่ 15 ราย และ Innovation Sandbox เพื่อเป็นสนามทดสอบนวัตกรรมใหม่ๆ รองรับอนาคต อยู่ระหว่างการทดสอบ 2 ราย ในส่วนของการศึกษาความพร้อมที่ช่วยสะท้อนสถานะของ SMEs ไทย ทาง ETDA ได้มีผลการศึกษา Digital Transformation Maturity 2023 ที่จะมีการนำไปทดลองให้เกิดต้นแบบ สนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในกระบวนการธุรกิจ สำหรับบริการอื่นๆ ที่ ETDA เปิดให้บริการ จะมีทั้งในส่วนของบริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสร้างเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ระบบบริการลงประทับเวลาเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์(e-Timestamping) ที่มีการให้บริการไปแล้ว 19,667,446 ฉบับ (ที่จะสิ้นสุดการให้บริการระบบ e-Timestamping ในวันที่ 30 ก.ย. 66 นี้ เพื่อให้ภาคเอกชนได้ให้บริการ) ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรองรับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มขนาดเล็กที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี (e-Tax Invoice by Email) ที่เชื่อมโยงกับกรมสรรพากร ที่มีการให้บริการไปแล้ว 822,094 ฉบับ ระบบตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (Web Validation) ที่มีจำนวนข้อมูลที่ให้บริการไปแล้ว 88,364 ฉบับ (ข้อมูลสะสม ณ เดือนสิงหาคม 2566) พร้อมเฟ้นหานวัตกรรมตอบโจทย์ความต้องการ SMEs ผ่านการจัดกิจกรรม Hackathon ประจำปีทั้ง Hack for GOOD (Well-being) ในภาคเหนือ และ Hack for GROWTH (Tourism) สำหรับทั่วประเทศ 

Digital Workforce, Literacy & Protection เสริมทักษะคนไทย สู่แรงงานดิจิทัล ที่รู้เท่าทัน-ไปกับ สถาบัน ADTE by ETDA ด้วยการอบรมและให้คำปรึกษาด้านดิจิทัลในประเด็นเฉพาะด้านสำหรับองค์กรและผู้ที่สนใจ เช่น การประยุกต์ใช้ Digital ID, e-Signature, e-Document  ให้กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน โดยเฉพาะ SMEs ให้พร้อมเปลี่ยนผ่านกระบวนการทำงาน การทำธุรกิจและการให้บริการด้วยดิจิทัล โดยในปี 2566 มีผู้ผ่านอบรม จำนวน 2,679 คน และรับคำปรึกษา จำนวน 326 ราย พร้อมร่วมกับสถาบันการศึกษา 4 ภูมิภาค เดินหน้าโปรเจกต์ ETDA Local Digital Coach (ELDC) มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน ได้พัฒนาโค้ชดิจิทัลชุมชนอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ได้เพิ่มมาอีก จำนวน 981 คน เพื่อการลงชุมชน ต่อยอดสินค้าและบริการสู่ออนไลน์ ปีนี้ได้มาอีก จำนวน 126 ชุมชน พร้อมๆ กับการสานต่อกิจกรรม Boosting Craft Idea ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเฟ้นหาและร่วมพัฒนา Business model ที่เหมาะสมสำหรับสินค้าและบริการในชุมชน ในขณะเดียวกันสำหรับเยาวชน ประชาชน ผู้สูงอายุ รวมไปถึงการต่อยอดไปยังกลุ่มคนพิการทางด้านการได้ยิน ผ่านโครงการ ETDA Digital Citizen หรือหลักสูตร EDC ที่เป็นโครงการในการส่งต่อความรู้ในการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ รู้เท่าทัภัยออนไลน์ ที่ปีนี้มีคนไทยเข้าร่วมหลักสูตรและอบรมแล้วกว่า 30,000 คน พัฒนาจนได้ EDC Trainer สะสมไม่น้อยกว่า 1,000 คน และคนไทยเข้าถึงสื่อภายใต้หลักสูตร EDC ทางออนไลน์สะสมกว่า 30 ล้าน ควบคู่ไปกับการเปิดโอกาสผ่านเวที EDC Pitching สำหรับทุกคนในสังคมที่มีไอเดีย กับแคมเปญศิลปะการป้องกันตัวจากภัยออนไลน์จนได้ผลงานที่จะนำไปสู่การต่อยอดในปีต่อไป ปิดท้ายด้วย อีกหนึ่งงานสำคัญที่จะช่วยให้ Ecosystem ของการส่งเสริมการทำธุรกรรมทางออนไลน์ของคนไทยมีความครบถ้วนมากยิ่งขึ้น คือ งานของ สายด่วน เบอร์ 1212 ETDA หรือ ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ ที่ให้บริการรับเรื่องร้องเรียน ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้คำปรึกษาให้คนไทยเข้าถึงการคุ้มครองได้เร็วขึ้น ได้มีการขยายช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนผ่านทาง LINE และสำนักงานสถิติจังหวัด ที่ปี 66 นี้มีผู้ติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือ และปรึกษาปัญหาทางอออนไลน์ จำนวน 53,752 ครั้ง โดยได้แก้ไขปัญหาไปแล้วคิดเป็น 95.25% จากปริมาณทั้งหมด และยังผนวกการทำงานเชิงรุก โดยการลงพื้นที่ให้ความรู้ใน 4 ภูมิภาค จำนวน 22 จังหวัด


สำหรับปี
2567 ก้าวต่อไป ETDA ชูธงการเป็นผู้นำ Change Agent มุ่งสู่องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม พร้อมเพิ่มความเข้มข้นกับบทบาท Co-Creation Regulator อย่างเต็มรูปแบบภายใต้การมุ่งขับเคลื่อนงานเพื่อพาคนไทยก้าวสู่ชีวิตดิจิทัลที่มั่นใจปลอดภัยขึ้นอีกขั้น ไปกับ 4 งานไฮไลท์ ดังนี้  

1. Digital IDเร่งสนับสนุนให้เกิดขยายบริการดิจิทัลที่ใช้ Digital ID กับเอกสารที่มีความพร้อม โดยเฉพาะบริการภาครัฐที่จะช่วยตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน เพื่อให้เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลาย พร้อมเร่งผลักดันให้เกิด IdPs (ID Providers) ที่ได้มาตรฐานไม่น้อยกว่า 24 ราย ที่พร้อมให้บริการ ควบคู่ไปกับการเร่งพัฒนามาตรฐาน Digital ID ที่สำคัญๆ เช่น มาตรฐานการเก็บเอกสารแสดงตัวตนต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบของแอปพลิเคชัน มาตรฐานการพิสูจน์และยืนยันตัวตนคนต่างชาติ มาตรฐานการมอบอำนาจกรณีนิติบุคล รวมถึงเร่งเครื่องการขยายผลการใช้งาน FVS (Face Verification Service หรือระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทางดิจิทัล) ของกรมการปกครองไปสู่การออกใบรับรองสำหรับรับรองลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์และเชื่อมโยงการทำงานร่วมแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างทางการเงิน หรือ สาธารณสุข

2. Digital Platform Services (DPS)เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัล ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองมากขึ้น ภายใต้กลไกของกฎหมาย DPS ที่สนับสนุนให้ธุรกิจบริการแพลตฟอร์มมีการดำเนินงานที่โปร่งใส ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ที่ปี 67 ทาง ETDA จะมีการประกาศรายชื่อแพลตฟอร์มที่มาแจ้งตามกฎหมายกับ ETDA เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายชื่อแพลตฟอร์มนั้นๆ ได้ พร้อมการผลักดันให้เกิด DPS Governance Framework กลไกการดูแลการให้บริการธุรกิจแพลตฟอร์มอย่างมีธรรมาภิบาล และร่างคู่มือการพิสูจน์ตัวตนลูกค้าของบริการแพลตฟอร์ม พร้อมกับการยกระดับขอบเขตการให้บริการของศูนย์ 1212 ETDA (Online Fraud and Complaint Center หรือศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์) ภายใต้การผสานความร่วมมือกับหน่วยงานสำคัญเกือบ 20 หน่วยงาน และการดำเนินงานเพื่อเป็นช่องทางกลางรับเรื่องร้องเรียน โดยเฉพาะแพลตฟอร์มขนาดเล็กที่สามารถใช้ประโยชน์ตามกฎหมายได้ 

3. AI Governanceที่เป็นการดำเนินงานภายใต้ศูนย์ AIGC (AI Governance Clinic) ที่เน้นกระบวนการ Self-regulate ในอุตสาหกรรมต่างๆ พร้อมกับการขยายการใช้งาน AI Governance Guideline & Toolkits ต่อเนื่องกับกลุ่ม Healthcare และต่อยอดขยายไปยังกลุ่ม Finance และภาครัฐ เพื่อให้การประยุกต์ใช้ AI อย่างมีธรรมาภิบาลในองค์กร พร้อมให้คำปรึกษาในหน่วยงานต่างๆ ที่สนใจ การมีหลักสูตร AiX รุ่น 2 สำหรับผู้บริหาร การจัด Mini workshop ในระดับปฏิบัติการ 

4. Digital Adoption & Transformationมุ่งขยายผล การสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมผ่าน ETDA Sandbox การขยาย Model ที่เป็นผลต่อยอดจากผล SMEs Maturity ในช่วงที่ผ่านมาไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ในระดับภูมิภาค พร้อมกับการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลทั้งภาครัฐและเอกชน กลุ่SMEs, Service Provider, กลุ่มเศรษฐกิจชุมชน ทั้งการให้คำปรึกษา พัฒนาทักษะ (ผ่านหลักสูตรของสถาบัน ADTE หรือ Academy of Digital Transformation by ETDA) การดำเนินงานเพื่อพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลร่วมกับพาร์ทเนอร์ เช่น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาโค้ชดิจิทัลชุมชน การพัฒนา Business model เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนในชุมชน (Social Enterprise) การกระจายความรู้ Digital Literacy ผ่านหลักสูตร ETDA Digital Citizen (EDC) ที่จะปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัยรองรับเทคโนโลยีและประเด็นของสังคมไทย โดยทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อให้การขยายผลเป็นวงกว้างมากขึ้น ทั้งในสถาบันการศึกษา บุคลากรในหน่วยงานที่สนใจ และชุมชน รวมถึงการสร้าง Trainer เพื่อส่งต่อความรู้ สื่อ ที่จะมีการขยายไปยังกลุ่มคนพิการทางด้านการได้ยินมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างโอกาสไปยังภูมิภาคต่างๆ 

ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำภารกิจการร่วมสร้างสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล พาคนไทยก้าวสู่ประสบการณ์ชีวิตดิจิทัลและการทำธุรกรรมออนไลน์ที่ดีขึ้น กับบริการที่หลากหลายขึ้น มีความเชื่อมั่นในการใช้งานบนความรู้หรือทักษะที่จำเป็น ปีหน้านี้ ETDA พร้อมด้วยพาร์ทเนอร์สำคัญทั้งภาครัฐ และเอกชน เตรียมลุยจัดงานใหญ่ประจำปี ในรูปแบบ Conference และ Exhibition ที่เชื่อมโยงกับ Digital Ecosystem ในมิติที่สำคัญที่ผู้เข้าร่วมจะได้รับความรู้จาก Speaker ทั้งในและต่างประเทศ และบูธของผู้ให้บริการทั้งที่เกี่ยวข้องกับ Digital ID, AI, Digital Service รวมถึง Startup กลุ่ม Service provider  บริการภาครัฐ  การใช้เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสาธารณสุขและท่องเที่ยว เรียกว่างานนี้  SMEs สาย Tech ตลอดจนหน่วยงานรัฐ เอกชน  และ Newcomer ที่พร้อม Transform จะต้องไม่พลาด พบกันเดือน พ.ค. 2567 นี้แน่นอน! ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ เพจ ETDA Thailand

……………………………………………………………………………………………………

📍www.indyreport.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *