ผู้เชี่ยวชาญแนะ 8 แนวทางบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมธุรกิจเหมืองแร่ ใช้เทคโนโลยีสีเขียวเน้นดูแลสุขภาพพนักงานและชุมชนรอบเหมือง เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้-เสียเข้ามีส่วนร่วม
ศจ.ดร.ลาลิต จอรี่ ที่ปรึกษาอาวุโส สมาคมสินแร่และวัสดุก่อสร้าง แสดงความเห็นว่าในสังคมสมัยใหม่ ธุรกิจเหมืองแร่ดำเนินการแปรรูปวัตถุดิบและแร่ต่างๆที่จําเป็นใช้ในงานของภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการก่อสร้าง โรงงานผลิตเหล็ก ปุ๋ย สารเคมีและอื่น ๆ
ขณะที่ธุรกิจเหมืองแร่และการสกัดแร่มีบทบาททางธุรกิจที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ ขณะเดียวกันก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในพื้นที่บริเวณรอบๆเหมือง เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมได้อย่างครอบคลุมจึงได้นำเสนอ 8 ประเด็นสำคัญ เพื่อเป็นแนวทางให้บริษัทเหมืองแร่สามารถดำเนินการกำหนดนโยบายและปฏิบัติตามแผนงานต่างๆได้อย่างเหมาะสม ดังนี้
กรอบการจัดการสิ่งแวดล้อมของธุรกิจเหมืองแร่
1.เทคโนโลยีสีเขียวหรือเทคโนโลยีที่เป็นมิตร : บริษัทเหมืองแร่ควรใช้เครื่องจักร เครื่องมืออุปกรณ์และกระบวนการผลิตที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
2.ความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงานและชุมชน : เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงในการดําเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทเหมืองแร่ควรมีประวัติของพนักงานลูกจ้างและชุมชนโดยรอบเหมืองที่ถูกต้อง กระบวนในการทำงานควรคำนึงถึงหลักการความปลอดภัยเป็นอันดับแรก พนักงานลูกจ้างควรได้รับอุปกรณ์ในการทำงานและอุปกรณ์ป้องกันร่างกายอย่างเหมาะสม เช่น ถุงมือ รองเท้า อุปกรณ์ป้องกันหูจากเสียงรบกวน และหมวกกันกระแทก บริษัทเหมืองแร่ควรเตรียมการให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่พนักงานลูกจ้างและชุมชนโดยรอบเหมืองกรณีเกิดอุบัติเหตุในบริเวณเหมืองแร่อย่างเหมาะสมและเพียงพอ
3.การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ: การทําเหมืองแร่อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดความเสียหายและการทําลายพืชและสัตว์ในบริเวณรอบๆเหมือง ดังนั้นการวางแผนและการนำวิธีการตัดเหมืองที่เหมาะสมมาใช้จะทำให้บริษัทเหมืองแร่สามารถลดความเสียหายต่อชีวิตพืชและสัตว์ในบริเวณโดยรอบเหมืองได้
4.การอนุรักษ์ทรัพยากร: ควรบริหารจัดการกระบวนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำมันดีเซล น้ำประปา วัตถุระเบิด และสารเคมีต่างๆ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นดาบสองคมเพราะหากบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทเหมืองแร่แล้วยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรด้วย
5.การควบคุมมลพิษ: ควรใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อลดมลพิษทางเสียง ฝุ่น การปล่อยก๊าซและอนุภาคต่าง ๆที่เป็นอันตราย มลพิษในแหล่งน้ำและดิน
6.การจัดการของเสีย: โดยธรรมชาติของการทําเหมืองจะผลิตวัสดุเหลือใช้หรือของเสียประมาณไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ บริษัทเหมืองแร่จำนวนมากได้ดำเนินการแปรสภาพของเสียหรือวัสดุเหลือใช้ให้เป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มซึ่งทำให้เกิดผลกําไรเพิ่มมากขึ้น และควรพยายามหาทางเลือกอื่นๆในการจัดการกับวัสดุเหลือใช้ เช่น ขายให้ธุรกิจก่อสร้าง และควรจัดเก็บและขายขยะฮาร์ดแวร์ให้กับธุรกิจที่ดำเนินการรีไซเคิลโลหะและพลาสติกอย่างเหมาะสม
7.การจัดการภัยพิบัติ: แม้จะมีนโยบายและแผนการป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นทั้งจากสาเหตุที่เป็นภัยทางธรรมชาติหรืออาจเกิดจากมนุษย์สร้างขึ้น
8.กลยุทธ์การสื่อสาร: เพื่อสร้างให้เกิดการรับรู้และมีความสามารถขั้นสูงในการจัดการสิ่งแวดล้อม เหมืองแร่ควรดำเนินกลยุทธ์แบบบูรณาการเพื่อสื่อสารนโยบายและแผนงานต่างๆให้กับพนักงานลูกจ้างและชุมชน ซึ่งการดำเนินการในลักษณะนี้จะช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมเพิ่มมากขึ้น
……………………………………….….….
📍www.indyreport.com