🔴 ททท. จัดทริปพิเศษ “ตามรอยยาตราสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นักสู้กู้แผ่นดิน ล่องสายชล ยลวิเศษศิลป์ เยือนถิ่นรามัญ” (ธนบุรี-นนทบุรี-ปทุมธานี)

 

(ททท.) สำนักงานกรุงเทพฯ ร่วมกับพันธมิตรการท่องเที่ยวจัดทริปพิเศษ Exclusive Trip “ตามรอยยาตราสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นักสู้กู้แผ่นดิน “ล่องสายชล ยลวิเศษศิลป์ เยือนถิ่นรามัญ” (ธนบุรี-นนทบุรี-ปทุมธานี) 2 วัน 1 คืน เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ชาติไทยในสองฝั่งเจ้าพระยาอย่างเต็มอิ่ม
 
เมื่อวันเสาร์ที่ 2-3 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงเทพมหานคร ร่วมกับพันธมิตรการท่องเที่ยวโดยมี กองทัพเรือ, มูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, บริษัท เพื่อนธรรมชาติ จำกัด, ธนาคารกรุงเทพ, วัด-องค์กร-ชุมชนต่างๆ จัดกิจกรรม Exclusive Trip “ตามรอยยาตรา สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราชนักสู้กู้แผ่นดิน ล่องสายชล ยลวิเศษศิลป์ เยือนถิ่นรามัญ” (ธนบุรี-นนทบุรี-ปทุมธานี) โดยมีผู้สนใจร่วมทริปเป็นจำนวนมากถึง 80 ท่าน และมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา นักวิชาการอิสระด้านศิลปวัฒนธรรม และอาจารย์ธานัท ภุมรัช นักประชาสัมพันธ์ สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว กทม. บรรยายให้ข้อมูลความรู้ตลอดเส้นทาง  
นางสาวจุไรรัตน์ ชัยทวีทรัพย์ รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “วัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงใน 3 พื้นที่ โดยใช้เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์ของแต่ละแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ 3 จังหวัดเป็นตัวนำเสนอ เส้นทางเริ่มต้นจากวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และเยี่ยมชมพระราชวังเดิมซึ่งเป็นพระราชวังโบราณ ในสมัยของพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ท่านทรงเคยครองราชย์เคยว่าราชการอยู่ที่ท้องพระโรงในพระราชวังเดิมนี้ จากนั้นนั่งเรือของกองทัพเรือ คือ เรือ ขส.ทร. 131 พาชมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาจากกรุงเทพมหานครไปสู่จังหวัดนนทบุรี ขึ้นท่าที่วัดเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นวัดที่เทิดพระเกียรติของในหลวงรัชกาลที่ 3 
 
หลังจากนั้นเดินทางไปที่ “พุทธสถานเชิงท่า–หน้าโบสถ์” จังหวัดนนทบุรี กราบสักการะหลวงพ่อโตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพระอุโบสถ และนำคณะขึ้นรถต่อเนื่องมายังจังหวัดปทุมธานี เพื่อที่จะได้เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวและโบราณสถานรวมถึงตลาดริมน้ำของปทุมธานี ซึ่งมีความน่าสนใจ เพราะที่นี่ยังมีวิถีชีวิตริมแม่น้ำลำคลองที่สวยงาม มีการค้าขายของตลาดของปทุมธานี และเราพาชมที่ “วัดศาลาแดงเหนือ” ซึ่งเป็นวัดมอญที่มีวิถีชีวิตดั้งเดิมซึ่งยังคงความเป็นมอญอยู่ของทางจังหวัดปทุมธานีและพาชม “ตลาดอิงน้ำสามโคก” จากนั้นจุดสุดท้ายที่เรานำทุกท่านมาเยี่ยมชมคือ “วัดสิงห์” อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นวัดโบราณสืบเนื่องได้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านเจ้าอาวาสที่นี่ท่านเป็นนักพัฒนา ซึ่งท่านคงความอนุรักษ์โบราณสถานในพื้นที่นี้ไว้ได้อย่างดีงาม ประกอบกับที่ท่านทำการบูรณะปฏิสังขรณ์โดยได้รับการหารือจากกรมศิลปากรเรียบร้อย ในการดูแลให้พื้นที่นี้คงความงามสง่าของวัดสิงห์ที่สวยงาม จนทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 นำไปเป็นสถานที่ถ่ายทำละคร เรื่อง “ทองเอก หมอยาท่าโฉลง” 
 
ในวันนี้ทาง ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร จึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนนทบุรี และ ปทุมธานี ในทริปเส้นทางนี้อาจจะไม่ได้มีจัดขึ้นบ่อยๆ แต่ท่านผู้สนใจทุกท่านสามารถมาเยี่ยมชมได้ด้วยตนเอง เนื่องจากการคมนาคมสะดวกมาก สามารถเดินทางเข้ามาทางบกได้ทุกพื้นที่ ขอบคุณค่ะ” นางสาวจุไรรัตน์ กล่าว
จุดแรกเข้าชมสถาปัตย์ “วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร” หนึ่งในพระอารามหลวงสำคัญที่สุดในประเทศ วัดโบราณในแผ่นดินอยุธยาและมีความสำคัญเป็นวัดในพระราชวังสมัยกรุงธนบุรี ที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกตมาก่อน และสถานที่สำคัญภายในวัด ชมความงดงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ พระมหาธาตุคู่พระนคร สมัยรัชกาลที่ 2 อันเป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์อีกด้วย
จากนั้นชม “พระราชวังเดิม” สมัยกรุงธนบุรีภายในกองบัญชาการกองทัพเรือ สถานที่ทรงงานของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตลอดรัชกาล ซึ่งมีท้องพระโรงและพระที่นั่งขวางอันเป็นที่ประทับ ทรงงาน และเสด็จออกว่าราชการในสมัยนั้น ภายในมี “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” และ “ศาลศีรษะปลาวาฬ” พระตำหนักเก๋งคู่ ตำหนักพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าที่เคยเป็นที่ประทับตั้งแต่ครั้งเสด็จพระราชสมภพ
และ “ป้อมวิชัยประสิทธ์” ปราการสำคัญและด่านขนอนเมืองบางกอกก่อนเข้าสู่กรุงศรีอยุธยา ซึ่งมี “พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” บริเวณด้านหน้าพระราชวังเดิม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับป้อมวิชัยประสิทธ์ ที่สร้างในเมืองบางกอกครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชให้ได้สักการะอีกด้วย 
จากนั้นนำคณะลงเรือแห่งประวัติศาสตร์ “เรือ ขส.ทร.131” ของกองทัพเรือที่ท่าเรือพระราชวังเดิม ซึ่งเรือประวัติศาสตร์ ขส.ทร.131 นั้นเดิมชื่อ CINDIT (ชินดิต) เดิมเป็นเรือเฟอรี่ 2 ชั้น ใช้ข้ามช่องแคบระหว่างสิงคโปร์และปีนัง กองทัพเรือได้ใช้งบประมาณของทางราชการจัดซื้อมาโดยความประสงค์เพื่อเป็นพาหนะสำหรับใช้รับ-ส่งทหารเรือ ระหว่างป้อมพระจุลจอมเกล้าและจังหวัดสมุทรปราการ เรือลำนี้ต่อจากประเทศอังกฤษพ่วงจูงถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2495 ปัจจุบันเปลี่ยนโฉมมาเป็นเรือรับรองและรองรับการจัดเลี้ยงของกองทัพเรือเคยใช้จัดงานเลี้ยงรับรองแก่พระบรมวงศานุวงศ์และบุคคลสำคัญต่างๆ ของประเทศมาแล้วมากมาย 
โดยระหว่างล่องแม่น้ำเจ้าพระยาสายน้ำของแผ่นดินสัมผัสความงดงามของสองฟากฝั่ง พร้อมรับฟังวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิให้ข้อมูลเรื่องราวสถานที่ประวัติศาสตร์ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดเส้นทาง รวมถึงร่วมกิจกรรมเล่นเกมตอบคำถามชิงรางวัลโดยได้รับการสนับสนุนจาก ททท.สำนักงานกรุงเทพอีกมากมาย และรับประทานอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ต์บนเรือ ใช้เวลาล่องเรือชมสายน้ำเจ้าพระยาเดินทางเป็นเวลา 1.20ช.ม.
จนถึง “วัดเฉลิมพระเกียรติ” จังหวัดนนทบุรี ขึ้นชมพระอารามสำคัญในรัชกาลที่ 3 ที่สร้างบริเวณของป้อมทับทิม และใกล้นิวาสถานของพระอัยกาและพระอัยกีฝ่ายพระราชมารดาเจ้าจอมมารดาเรียม อันเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในการสร้างเป็นพระอารามหลวงถวาย โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรมอันเป็นพระราชนิยมผสมผสานแบบจีน สักการะ “พระพุทธมหาโลกาภินันทฏิมา” พระประธานในพระอุโบสถมีพุทธลักษณะงดงามตามแบบแผนของพระองค์ ซึ่งมาถึงในรัชกาลที่ 4 ทรงเป็นธุระในการสร้างให้เสร็จ ยังมี “พระพุทธรูปศิลาขาว” ที่อยู่ภายในพระวิหาร
จากนั้นออกเรือมุ่งหน้านำคณะเที่ยวชมบรรยากาศของฝากฝั่ง อ้อมเกาะเกร็ด ชมสถานที่สำคัญต่างๆ รวมถึง “วัดปรมัยยิกาวาส” ชมเจดีย์เอียงสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด วิถีชาวมอญริมแม่น้ำสองฟากฝั่งจากบนเรือไปจนถึง “พุทธสถานเชิงท่า หน้าโบสถ์” 
 
เส้นทางขุดลัดแม่น้ำสู่ “พุทธสถานเชิงท่า-หน้าโบสถ์” จังหวัดนนทบุรี สักการะ “หลวงพ่อโต” พระประธานที่ยังคงสมบูรณ์ ยังปรากฏร่องรอยจิตรกรรมฝาผนังให้เห็นอยู่บางส่วนที่สวยงาม สัญลักษณ์ “เสือ” หน้าอุโบสถวัดหน้าโบสถ์ “ศาลเจ้าพ่อเสือ” บริเวณด้านข้างของวัดหน้าโบสถ์ “หลวงพ่อเสือ” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของผู้คนในบริเวณนี้ และ “เจดีย์วัดเชิงท่า” ซึ่งยังคงหลงเหลือสภาพดังปัจจุบันตั้งแต่ในช่วงปี พ.ศ. 2506 อันเป็นผลกระทบจากเวนคืนพื้นที่
ก่อนจะเดินทางโดยรถบัสปรับอากาศเข้าที่พัก ณ โรงแรม Tinidee Hotel @bangkok Golf Club อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ร่วมรับประทานอาหารค่ำและร่วมกิจกรรมเสวนาความรู้เชิงประวัติศาสตร์ หัวข้อ “เส้นทางทัพเรือของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจากจันทบุรี ผ่านกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สิ้นสุดกู้ชาติที่พระนครศรีอยุธยา” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ 
 
วันรุ่งขึ้นเดินทางไป “วัดศาลาแดงเหนือ” อําเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี วัดในชุมชนของคนไทยเชื้อสายมอญที่อพยพมาจากเมือง “เมาะตะมะ” ในรัฐมอญของพม่า ตั้งอยู่ริมฝั่งเหนือของแม่น้ำสาละวิน เคยเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรหงสาวดี ชาวบ้านพากันหนีภัยสงครามเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 โดยให้ชาวบ้านได้เลือกพื้นที่อาศัยเป็นหลักแหล่งในพื้นที่ “ชุมชนวัดศาลาแดงเหนือ” ปากเกร็ด และ “พระประแดง” วัดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก จุดที่น่าสนใจของวัดนี้คือ เจดีย์มอญ ธรรมมาสน์ลายจำหลักไม้ ศาลาการเปรียญ หมู่กุฏิหอไตร พิพิธภัณฑ์เรือ และเครื่องกรองน้ำสมัยโบราณที่หาชมได้ยาก นอกจากนี้มีการสวดมนต์ด้วยภาษามอญทุกวันเวลาประมาณ 15.00 น. และเดินเที่ยวชมบรรยากาศบ้านเรือนและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของหมู่บ้านชาวมอญที่งดงามเรียบง่ายที่อยู่ติดริมแม่น้ำ ซึ่งบางบ้านก็ยังคงสืบทอดวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมมาจนถึงทุกวันนี้  
จากนั้นเดินทางไปยัง “ตลาดอิงน้ำสามโคก” ชุมชนใหญ่ที่ใช้การสัญจรทางน้ำตั้งแต่ในสมัยโบราณ มีบรรยากาศของตลาดเก่าริมน้ำที่ทำมาค้าขายทางเรือ วิถีชุมชนของคนหลากหลายชาติพันธุ์ทั้งไทย มอญ จีน และ มุสลิม ที่อาศัยอยู่ร่วมชุมชนเดียวกันอย่างสงบสุขบริเวณรอบตลาดอิงน้ำสามโคก มีอาหารดังขึ้นชื่อหลากหลายให้เลือกอร่อยและซื้อหาเป็นของฝากได้ ให้ได้ลิ้มลองเป็นเอกลักษณ์พื้นถิ่น
และจากที่นี่สามารถนั่งเรือไปเที่ยว “บ้าน 100 ไม้” ซึ่งเป็นสถานที่เหมาะสำหรับครอบครัว ที่จะได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในสิ่งที่ชอบของแต่ละช่วงวัยแต่อยู่ในสถานที่เดียวกัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำแห่งนี้มากนัก
ก่อนจะเดินทางไปยัง “วัดสิงห์” ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีละครหลายเรื่องมาถ่ายทำเพราะวัดนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปีมาแล้ว ตั้งแต่สมัยอยุธยา จุดเด่นของวัดสิงห์ก็คือสถาปัตยกรรมการนั้นยังคงแบบเดิมตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาไว้ทุกประการ ตั้งแต่โบสถ์ วิหารหรือแม้กระทั้งศาลาดินที่มีอายุเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีหลวงพ่อโตและหลวงพ่อเพชรที่เป็นที่เคารพนับถือและศูนย์รวมจิตใจของคนทีนั่นด้วย 
 
และสุดท้ายก่อนเดินทางกลับด้านฝั่งตรงข้ามอีกฟากของถนนชม “เตาเผาโบราณ สามโคก” เนื่องจากสามโคกได้ชื่อเป็นแหล่งผลิตตุ่มที่มีชื่อเสียง คือ “ตุ่มสามโคก” ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยตุ่มมังกรของราชบุรี ซึ่งที่นี่ยังคงพบร่องรอยของโคกเนินเตาเผาอยู่เพียง 2 แห่ง ในอดีตมีเตาเผาสามโคกตั้งเรียงรายกัน ตั้งห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 100 ม. เตาเผาโบราณนี้มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์มากที่สุด อันเป็นที่มาของชื่อบ้านนามเมือง โคกที่ 3 ถูกรถไถเกรดเนินโคกเตา นำไปทำถนนจนหมดคงเหลือเพียง 2 โคก ซึ่งพบแนวอิฐโครงสร้างเตาและเศษภาชนะเครื่องปั้นดินเผาอยู่โดยทั่วไป รูปร่างเตาเผาก่ออิฐตั้งเรียงกันคล้ายเรือคว่ำ เตาเผาแบบนี้เป็นภูมิปัญญาของชาวมอญโดยเฉพาะ ก่อนจบทริปพิเศษแบบ Exclusive Trip และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สามารถมาเที่ยวแบบพักค้างได้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกลมีเวลาให้ทำกิจกรรมดีๆ และวิถีชุมชนที่น่าสนใจให้ได้เรียนรู้ มีสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนมากมายรอให้ไปสัมผัส…
www.indyreport.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *